[รีวิว:เที่ยวจีน] Let's Go Yunnan Day 5 : ผู่เจ่อเฮย ตามรอยสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่ <เที่ยวจีนด้วยตัวเอง 6วัน5คืน แบบพูดจีนไม่ได้>

วันนี้พวกเราตื่นมาตอนเช้า อาบน้ำแต่งตัว ออกจากโรงแรมก่อน 8 โมงเช้าเล็กน้อย และเดินจากโรงแรมไปขึ้นรถที่สถานีรถไฟใต้ดิน South Ring Road ไปยังสถานี Kunming South Railway ซึ่งใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง หลังจากมาถึงก็สามารถใช้ตั๋วที่ซื้อมาเมื่อวานเข้าไปรอภายในสถานีได้เลย

ภายในสถานีกว้างมากๆ มีร้านขายของกินและของฝากคล้ายๆกับในสนามบิน และมีป้ายบอกเกจของรอบรถไฟแต่ละขบวน พวกเราก็แวะร้านค้าซื้อของกินไว้ทานระหว่างทางแล้วไปรอประตูเกจเปิด
ที่ประตูทางเข้าเกจจะมีที่เครื่องตรวจตั๋วอัตโนมัติ ก่อนเวลารถไฟออกประมาณครึ่งชั่วโมงเจ้าหน้าที่จะเปิดให้เข้าได้ รถไฟความเร็วสูง ที่นั่งก็กว้างสบายดี จะคล้ายรถไฟชินคันเซนของญี่ปุ่น
ด้านล่างของที่นั่งจะมีปลั๊กให้ 1 ตัว ที่ด้านหน้าเหนือประตูโบกี้จะบอกชื่อสถานีที่จะจอดทั้งภาษาจีนและอังกฤษ และความเร็วของรถไฟ รถไฟใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงสถานีผู่เจ่อเฮย
พอออกมาจากสถานีรถไฟ พวกเราก็ไปที่อาคารสถานีรถบัสที่อยู่ข้างขวามือของสถานีรถไฟ พวกเราพยายามหารถบัสที่จะไปผู่เจ่อเฮย ตามที่เวปภาษาจีนบอกไว้ว่าให้ใช้บัสสาย 7 เราไปถามจากเจ้าหน้าที่ด้วยการเอารูปผู่เจ่อเฮยให้ดู เจ้าหน้าที่ให้พวกเราเดินไปตามซอยเล็กๆข้างขวาของสถานีรถบัส
พอพวกเราไปถึงเจอบัสอยู่ 2 สาย จะมีสายนึงที่มีตัวอักษรจีน 普者黑 ซึ่งเป็นอักษรจีนของผู่เจ่อเฮย แต่ว่าไม่ใช่สาย 7 พวกเราก็เลยถามคนขับซึ่งไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย พวกเราเลยเอารูปให้ดู คนขับก็บอกว่าไปค่าโดยสารคนละ 5 หยวน พวกเราเลยขึ้นไปนั่งรอ คาดว่ารถจะออกเป็นรอบๆ รอบก่อนหน้านี้เพิ่งจะออกไป พวกเรานั่งกันอยู่นานกว่ารถจะออก
รถเป็นลักษณะคล้ายรถเมล์เล็กบ้านเรา และเป็นรถพัดลม ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นบุหรี่แนะนำว่าให้พกผ้าปิดจมูกมาด้วย เพราะว่าในระหว่างรอรถออกจะมีคนสูบบุหรี่ หลังจากรถออกใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงผู่เจ่อเฮย ระหว่างทางก็จะมีจอดรับส่งคนอยู่บ้าง พวกเราที่ไม่รู้ว่าต้องลงที่ไหน ก็เลยลงที่ปลายทาง เพราะคนลงเยอะสุด
หลังจากลงมาก็งงเลย เพราะ จากที่เราหาข้อมูลแบบใช้กูเกิ้ลแปลมาจะมีค่าเข้า 200 หยวนต่อคนรวมค่ารถภายในอุทยาน แต่พวกเราไม่เห็นจุดขายตั๋วหรือทางเข้าเลย มองไปเจอแต่โซนที่เป็นเหมือนชุมชนที่มีแต่โรงแรมอยู่ แล้วคนแถวนั้นก็ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้เลย นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ไม่มี คนบนรถก็เดินไปทางโซนที่โรงแรมอยู่กันหมด
แล้วอยู่ๆก็มีป้าคนนึงเดินเข้ามาหาเรา พูดภาษาจีนใส่เรารัวๆเลย ซึ่งพวกเราก็ฟังไม่ออก แต่สรุปใจความได้ว่าป้าเสนอทัวร์รถม้า โดยจะพาไป 3-4 ที่ซึ่งป้าจิ้มจุดที่จะพาไปในแผนที่ คิดคนละ 130 หยวนต่อคน พวกเราก็ต่อมาได้ที่ 120 หยวน ตอนนั้นก็กลัวโดนหลอกอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อดี ทางป้าเองก็เหมือนจะกลัวพวกเราไม่มีเงินด้วย ไม่น่าจะหลอกกัน พวกเราก็เลยตอบตกลงไป แต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน
สำหรับสถานที่ที่จะไปในวันนี้มี 4 ที่ ดังนี้
     1. 仙人洞 (Xianren Cave หรือ Fairy Cave)
     2. 青丘圣地 (Qingqiu Holy Land หรือ ชิงชิวในเรื่องสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่)
     3. 观音洞 (Guanyin Cave)
     4. 青龙山 (Qinglong Mountain)

หลังจากตกลงราคาป้าก็พาเราไปหาลุงที่ขับรถม้า ระหว่างทางลุงก็จะเรียกลูกค้า คือคนที่เดินระหว่างทาง แต่ก็ไม่มีใครขึ้นเลยกลายเป็นว่าเป็นรถม้าส่วนตัวของพวกเราสองคน ลุงพาเรามาเปลี่ยนรถม้าเป็นอีกคัน โดยมีป้าอีกคนมาขับให้ ระหว่างทางถ้าไม่ใช่ช่วงที่เป็นโซนที่อยู่อาศัย สองข้าทางก็จะเป็นป่าและภูเขา
ป้าคนขับรถม้าก็พาเราไปขึ้นเรือเพื่อไปยังถ้ำ 仙人洞 ที่เป็นจุดหมายแรก เรือที่พวกเราขึ้นเป็นเรือแจว นอกจากคนพายเรือแล้วก็มีแค่พวกเรา 2 คน น้ำในแม่น้ำระหว่างทางไปถ้ำใสมากรอบก็จะเป็นภูเขา
นั่งมาซักพักก็เจอทางเข้าถ้ำที่เป็นรูปสิงห์ พอผ่านปากสิงห์มาเรือก็จะจอดเกยฝั่ง คนพายเรือก็ให้พวกเราลงชี้บอกให้พวกเราเดินไป พวกเราก็ลงจากเรือแบบงง แล้วคนพายเรือก็พายเรือกลับออกไป
พวกเราสองคนก็ได้แต่มองหน้ากันงงๆ คิดกันว่าแล้วพวกเราจะกลับยังไง แต่ว่าก็พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยเดินเข้าถ้ำไปเที่ยวก่อน ถ้ำที่นี่เรียกได้ว่าสวยมากที่สุดที่หนึ่งเท่าที่พวกเราเคยเที่ยวมาเลยทีเดียว ภายในถ้ำมีการตกแต่งด้วยไฟสีต่างๆ ขนาดถ้ำเองก็ค่อนข้างใหญ่ทำให้ไม่อึดอัด
ระหว่างเดินเที่ยวอยู่ในถ้ำพวกเราไม่เจอนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย ทำให้ถ่ายรูปได้สบายๆ แต่ด้วยความกังวลว่าจะกลับอย่างไร ทำให้เดินค่อนข้างเร็ว แค่ประมาณครึ่งชั่วโมงนิดๆ ก็ออกจากถ้ำแล้ว
พอออกถ้ำมาก็เจอป้าขับรถม้ามารอที่ใกล้ๆทางออกแล้ว ก็แอบเสียดายเล็กน้อยว่าน่าจะเดินให้นานกว่านี้อีกซักหน่อย หลังจากพวกเราก็ขึ้นรถม้าของป้าเพื่อเปลี่ยนกลับไปเป็นรถม้าเป็นคันแรกที่ลุงคนเดิมเป็นคนขับให้
ลุงคนขับรถม้าพามาจอดอยู่จุดๆนึง เป็นทางแล้วก็มีสะพานเล็กๆ ถัดไปก็มีถนนและภูเขา ลุงก็ชี้ให้เราเดินไปตามทางประมาณให้ไปวนรอบเขา แล้วก็น่าจะว่าถามว่าพวกเราจะออกมากี่โมงแต่พวกเราไม่เข้าใจ ลุงเลยบอกว่าจะรอตรงนี้
พวกเราก็เดินเข้าไป ที่นี่พอเห็นนักท่องเที่ยวอยู่บ้างแต่ไม่เยอะ และหลังจากผ่านที่ถ้ำมาแล้วพวกเราก็เลยวางใจขึ้นมาเยอะ เลยเดินตามที่ลุงบอก พอข้ามสะพานมาจะมีทางเดินที่เป็นถนนรถวิ่ง กับทางเลาะข้างเขา ตอนแรกพวกเราเดินไปตามถนน แต่พอเดินไปซักพักรู้สึกว่าไม่ใช่ เลยเดินกลับมาเดินตรงทางเลาะเขาแทน และที่ทางเข้าเรียบเขาจะมีป้ายบอกอะไรซักอย่างเกี่ยวกับซีรี่ย์สามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่ ที่พวกเราไม่ได้สังเกตในตอนแรก
สองข้างทางจะเป็นทุ่งนาสีเขียว และภูเขา อากาศก็ดีเย็นสบาย ทางเองเป็นแค่ทางราบไปข้างเข้า ดังนั้นจึงไม่เหนื่อยมาก ทางจะมีอยู่ทางเดียวไม่มีแยกดังนั้นไม่ต้องกลัวหลง
พวกเราเดินได้อยู่พักใหญ่ ก็ได้เจอเป้าหมายของที่ทำให้พวกเราอยากมาที่นี่ คือ ฉากชิงชิว จากซีรี่ย์สามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่ พอมาถึงก็จะรู้เลยว่าใช่ที่นี่แน่นอน ภาพที่เห็นแทบจะเหมือนกับในละครเลย
เกาะกลางน้ำที่จะมีต้นไม้รกๆหน่อยและไม่มีทางข้ามเข้าไป ส่วนต้นท้อก็บานตลอดปีแน่นอน เพราะเป็นต้นไม้เทียม ตอนเราไปเสียดายว่าฟ้าไม่เปิด มีเมฆค่อนข้างมาก
จุดนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะกว่าที่อื่นๆ แต่ก็ไม่แน่นมาก พวกเราถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ๆ แต่ก็ไปไม่ทั่วมาก เพราะเกรงใจลุงคนขับรถม้าที่คอยอยู่ ถึงจะเสียดายที่ยังไปไม่ทั่ว แต่ว่ามาถึงตรงนี้พวกเราก็ประทับใจมากแล้ว

เลยจากฉากชิงชิวยังสามารถเดินเข้าไปต่อได้ แต่ไม่แน่ใจว่ายังมีจุดเที่ยวอีกรึเปล่า พวกเราเดินย้อนกลับทางเดิม พอข้ามสะพานกลับไปที่เดิม ลุงคนขับรถม้าก็คอยพวกเราอยู่แล้ว แล้วก็พาเราไปยังจุดหมายถัดไป
ที่เที่ยวถัดมาเป็นถ้ำขนาดเล็กชื่อว่า 观音洞 ภายในนี้ไม่ได้เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยเหมือนถ้ำแรก แต่เป็นถ้ำที่ประดิษฐานรูปปั้น พระพุทธรูป เจ้าแม่กวนกิม และ เทพเจ้าต่างๆ ทั้งในถ้ำและด้านหน้า
หลังออกจากถ้ำแล้วคุณลุงก็พาเดินไปเขาใกล้ๆที่ชื่อว่า  青龙山 ระหว่างทางมีคนเผาขยะกันอยู่ ควันฟุ้งมาก พวกเราก็งงๆว่าลุงแกจะพามาทำไม คุณลุงบอกให้เดินขึ้นไป ตอนแรกพวกเราว่าจะไม่ขึ้น ไม่อยากเหนื่อย แต่พอบอกลุง ลุงแกก็น่าจะบอกว่า ถ้าไม่ขึ้นก็กลับเลยนะ สุดท้ายพวกเราก็เลยขึ้นก็ได้
ทางเดินที่นี่จะเป็นทางเดินหินเดินได้สะดวกไม่อันตราย เขาที่ขึ้นมากเป็นเขาที่ขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็ทำให้เหนื่อยได้ พวกเราที่เดินได้ไม่เร็วมาก และก็หยุดพักเป็นระยะ ระหว่างทางก็เจอนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินแซงพวกเราไปด้วย ระหว่างทางก็คือป่าทั่วไปเลย
แต่พอขึ้นไปถึงยอดเขาเท่านั้นหายเหนื่อยไปเยอะเลย จุดชมวิวจะเป็นภาพภูเขาซ้อนๆกันเป็นฉากหลัง ด้านหนึ่งจะมีฉากหน้าจะเป็นหมู่บ้าน อีกด้านฉากหน้าจะเป็นทุ่งนา เป็นภาพที่ประทับใจมากๆ ดีใจที่เชื่อคุณลุงเดินขึ้นเขามา มารู้ทีหลังว่าที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายรายการ Where are we going, dad? ซีซั่น 4 (ส่วนใหญ่ที่พวกเราดูกัน คือ ซีซั่น 5)
นอกจากจุดชมวิวแล้วส่วนมากก็จะเป็นวิวป่า สามารถเดินตามทางไปได้เรื่อยๆเลยไม่ต้องย้อนกลับทางเดิม ทางลงเขาจะเป็นคนละจุดกับทางขึ้นแต่ก็อยู่ไม่ไกลกันมาก
พวกเราถ่ายรูปที่จุดชมวิวเสร็จก็ประมาณบ่ายสามโมงแล้ว พวกเราเลยรีบเดินต่อ เพราะไม่รู้ว่ารถบัสที่จะกลับไปสถานีรถไฟเที่ยวสุดท้ายจะออกกี่โมง จะกลับแท็กซี่ระหว่างทางที่มาก็ไม่เห็นเลยซักคัน เลยรีบกลับเพื่อความแน่นอนดีกว่า หลังจากลงจากเขาแล้วลุงก็พากลับเราไปถ่ายรูปที่สระบัวที่ไม่มีบัวเลย แต่ถ้ามาหน้าดอกบัวบานน่าจะสวยอยู่ พวกเราถ่ายรูปอยู่ไม่นาน และคุรลุงก็ไปส่งพวกเราที่ที่เจอคุณป้าที่มาขายทัวร์ให้พวกเรา พร้อมจ่ายเงินค่าทัวร์ 240 หยวนกับป้าคนที่เรียกพวกเราซื้อทัวร์รถม้านี้
สำหรับการเที่ยวที่ผู่เจ่อเฮยนี้ พวกเราประทับมากแม้ว่าจะต้องเที่ยวแบบรีบๆไปหน่อย แต่รู้สึกว่าคุ้มสุดๆ ส่วนค่าเข้าที่เจอมาว่าคนละ 200 หยวน จนจบทริปพวกเราก็ยังไม่รู้ว่าที่ขายตั๋วอยู่ที่ไหน สำหรับใครที่จะมาเที่ยวเองที่นี่ แนะนำว่าควรมีคนพอพูดจีนได้มาด้วยจะดีกว่า และถ้ามีเวลาจะค้างซักคืนเพื่อชมพระอาทิตย์ตกบนเขาก็คงสวยมากทีเดียว

พวกเรานั่งรถบัสกลับมาถึงที่สถานีรถไฟประมาณ 5 โมง แต่ว่าพวกเราจองรถไฟขากลับไว้ตอนประมาณ 1 ทุ่ม เลยเอาตั๋วไปเปลี่ยนเป็นรอบ 17.44 น. พอมาถึงสถานีคุนหมิงใต้ พวกเราก็แวะซื้อของฝากกันนิดหน่อยก่อนกลับโรงแรม
เมื่อมาถึงโรงแรม พวกเราก็กลับทานมาม่าที่เอามาจากไทยที่ยังเหลืออยู่ และข้าวกล่องแบบอุ่นเองได้โดยไม่ต้องใช้ไมโครเวฟที่ซื้อมาเมื่อตอนเช้าแล้วยังไม่ได้ทาน

หลังจากทานอาหารเสร็จก็ลงไปเดินเล่น หาซื้อขนมทานต่อ ระหว่างเห็นร้านขายผลไม้ขายเยอะเลย เลยถ่ายรูปเก็บไว้
วันนี้เจอร้านชานมไข่มุก GONGCHA ใครชอบทานชานมไข่มุก มาเที่ยวจีนก็อย่าลืมมาทานร้านนี้กันได้
พอทานขนมเสร็จ พวกเราก็เก็บของเตรียมกลับไทยและอาบน้ำนอน สามารถตามอ่านการขึ้นรถ Shuttle Bus เพื่อไปสนามบินคุนหมิงกลับไทย และสรุปค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริปได้ที่ Day 6 : วันสุดท้าย เดินทางกลับเมืองไทย + สรุปค่าใช้จ่าย 

<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
สามารถติดตามตอนอื่นๆของ [รีวิว:เที่ยวจีน] Let's Go Yunnan <เที่ยวจีนด้วยตัวเอง 6วัน5คืน แบบพูดจีนไม่ได้> ได้ที่
Let's Go Yunnan Day 0 : เตรียมตัวก่อนเดินทาง
Let's Go Yunnan Day 1 : บินตรงสู่คุนหมิง-รถไฟนอนไปลี่เจียง
Let's Go Yunnan Day 2 : เมืองโบราณลี่เจียง มนต์เสน่ห์เมืองมรดกโลก
Let's Go Yunnan Day 3 : ภูเขาหิมะมังกรหยก ทิวทัศน์สุดอลังการ
Let's Go Yunnan Day 4 : คุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน
Let's Go Yunnan Day 5 : ผู่เจ่อเฮย ตามรอยสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น