[รีวิว:เที่ยวจีน] Let's Go Yunnan Day 0 : เตรียมตัวก่อนเดินทาง <เที่ยวจีนด้วยตัวเอง 6วัน5คืน แบบพูดจีนไม่ได้>

สวัสดีค่ะ ครั้งนี้เราจะมารีวิวเที่ยวจีนด้วยตัวเอง ทริปนี้พวกเราไปมาได้เกือบ 2 ปี และเคยเขียนรีวิวลงที่อื่นมาแล้วด้วย แต่พอกลับไปอ่านแล้วยังรู้สึกว่าทำไว้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนำมาเรียบเรียงใหม่แล้วมาลงในบล็อกนี้อีกครั้ง และจะพยายามหาข้อมูลอัพเดทเกี่ยวกับการเดินทางให้เท่าที่จะทำได้ค่ะ


สำหรับประเทศจีน คิดว่ามีหลายๆคนที่คงไม่ค่อยจะสนใจเที่ยวที่นี่เท่าไหร่ แต่รับรองได้ว่าหากได้ลองมาเที่ยวครั้งหนึ่งแล้วจะต้องติดใจกลับมาเที่ยวอีกแน่นอน ถึงแม้ว่าการเดินทางหรือความสะดวกสบายอาจจะเทียบกับ ยุโรป ญี่ปุ่น หรือ เกาหลี ไม่ได้ แต่ว่าที่จีนเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย ด้วยความที่เป็นประเทศใหญ่ ทำให้แต่ละพื้นที่ก็มีความแตกต่างทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม เที่ยวได้ไม่เบื่อ

หลายๆครั้งพอจะไปเที่ยวจีน ก็มักจะได้ยินคนบอกว่า ระวังถูกหลอกนะ! หรือ ห้องน้ำแย่มาก! แต่ต้องบอกเลยว่าเมืองจีนก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย เราไม่ได้บอกว่าไม่ต้องระวัง แต่ก็ไม่ต้องกลัวจนเกินไป พวกเราเองก็ได้คนจีนช่วยเหลืออยู่หลายครั้งหลายครา ทั้งที่พวกเราไปถามและก็เสนอตัวมาช่วยเอง และในส่วนเรื่องห้องน้ำที่หลายๆคนกังวล บอกเลยว่าไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพราะทางจีนเองก็มีการพัฒนาอยู่ อาจจะไม่ได้สะอาดอะไรมากมาย แต่สามารถเข้าใช้ได้ ในทริปนี้ พวกเราเองก็ไม่เจอห้องน้ำที่แย่มากๆจนทนไม่ได้หรือส้วมที่เป็นร่องเลย

ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้เป็นการเที่ยวจีนด้วยตัวเองครั้งแรกของพวกเรา ภาษาจีนพวกเราก็ได้แค่นับเลข หนี่ห่าว เท่านั้น ถึงจะเคยเรียนมาบ้างแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย โดยก่อนหน้านี้พวกเรากไปเที่ยวจีนที่เมืองอื่นมาบ้างแล้ว แต่จะเป็นการไปกับทัวร์ ก็รู้สึกว่าเที่ยวได้ไม่เต็มอิ่มเท่าไหร่ และในเส้นทางที่พวกเราจะไปในครั้งนี้มีบางที่ที่ทัวร์ไม่พาไปหรือบางที่พวกเราไม่อยากไปอีกด้วย ดังนั้น ทริปนี้เลยหาข้อมูลแล้วก็เที่ยวกันเอง

จุดหมายหลักของพวกเราในทริปนี้เริ่มแรกเลยคือที่ ภูเขาหิมะมังกรหยก หรือ Jade Dragon Snow Mountain ของมณฑลยูนนาน ซึ่งจะมีเส้นทางยอดฮิต คือ คุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า แต่ว่าหลังจากหาข้อมูลแล้วพวกเราสองคนคิดว่าไม่น่าจะขึ้นแชงกรีล่าไหว เลยจะไปถึงแค่ลี่เจียงแล้วหาที่เที่ยวที่อื่นแทน และพวกเราก็พบ "ผู่เจ่อเฮย" ที่เป็นฉากของเมืองชิงชิวหรือเขาเขียว ในซีรี่ย์สามชาติสามภพป่าท้อสิบลี้ ซึ่งสามารถเดินทางจากคุนหมิงได้ และถึงแม้ว่าข้อมูลที่นี่ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษแทบจะหาไม่ได้เลยก็ตาม แต่ด้วยความบ้าซีรี่ย์ของพวกเราทำให้พวกเราก็ยังเลือกที่จะไป ดังนั้น เส้นทางเที่ยวจึงเป็น คุนหมิง-ลี่เจียง-ผู่เจ่อเฮย
ในตอนนี้เราจะพูดถึงการหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง การเตรียมตัวก่อนการเดินทางกัน
  • การหาข้อมูลของสถานที่เที่ยวและการเดินทาง
ในการทำแผนการท่องเที่ยวพวกเราได้อ่านข้อมูลรีวิวท่องเที่ยวทั้ง ภาษาไทย อังกฤษ และ จีน เราจะแนะนำเว็บที่เราใช้หาข้อมูลในการไปเที่ยวบ่อยๆไว้สำหรับให้ทุกคนไปหาข้อมูลที่เที่ยวกันเพิ่มเติมได้

     ภาษาไทย ข้อมูลหลักๆก็มาจากเว็บพันทิบ มีหลายกระทู้ที่รีวิวการเดินทางไปเที่ยวคุนหมิง และ ลี่เจียง

     ภาษาอังกฤษ เว็บภาษาอังกฤษมีให้ข้อมูลเที่ยวจีนอยู่หลายเว็บแต่ที่เราใช้บ่อยๆมี 2 เว็บ คือ 
https://www.travelchinaguide.com/ เว็บนี้มีข้อมูลพื้นฐานครบ ทั้งการเดินทางไปยังสถานที่เที่ยว หรือจากจุดขนส่งสาธารณะ รวมถึงมีค่าใช้จ่ายต่างๆให้ดูด้วย แต่ว่าภาพค่อนข้างน้อยและภาพไม่ค่อยสวย 
https://www.topchinatravel.com/ เว็บนี้มีข้อมูลพื้นฐานค่อนข้างครบเช่นกัน ภาพสวย จะมีข้อมูลเกี่ยวกับที่เที่ยวค่อนข้างละเอียด โดยเฉพาะสถานที่ยอดนิยมจะมีจุดยอดนิยม เวลาที่เหมาะสมกับการเที่ยว แต่ว่าข้อมูลการเดินทางจากจุดขนส่งสาธารณะ รถไฟ เครื่องบิน หรือข้อมูลค่าใช้จ่าย เพื่อเที่ยวเองจะมีน้อยกว่าอีกเว็บ

     ภาษาจีน เว็บที่เราใช้บ่อย คือ 
http://www.mafengwo.cn/ เนื่องจากพวกเราอ่านภาษาจีนไม่ออก ดังนั้นส่วนใหญ่คือไว้ดูภาพสถานที่ท่องเที่ยวเป็นหลัก หรือไม่ก็ใช้ google translate ในการแปลข้อมูล ซึ่งจะมีวิธีการเดินทางที่ละเอียดกว่าเว็บภาษาอังกฤษ
https://map.baidu.com/ เว็บนี้จะคล้ายๆ google map แต่เป็นของจีนสามารถเราสามารถใช้ประมาณเวลาการเดินทางและหาเส้นทางขนส่งสาธารณะได้อีกด้วย
  • วีซ่า
สำหรับใครที่จะเที่ยวจีน ยกเว้น ฮ่องกง มาเก๊า และ มณฑลไห่นาน นอกเหนือจากนี้ยังต้องขอวีซ่าอยู่ พวกเราขอวีซ่าโดยการจ้างพี่ที่ทำทัวร์จีนที่รู้จักกันทำวีซ่าให้ เป็นแบบเที่ยวเดียวให้ มีค่าใช้จ่ายคนละ 2,000 บาท ซึ่งถ้าขอวีซ่าด้วยตัวเองจะมีค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าแบบเที่ยวเดียว 1,500 บาท แต่ถ้าไม่อยากจ่ายส่วนต่างตรงนี้ก็สามรถดูรายละเอียดการขอวีซ่าจีนด้วยตัวเองได้ที่ https://www.skyscanner.co.th/news/how-to-apply-china-visa
  • ที่พัก
พวกเราหาที่พักผ่านเว็บเอเจนซี่ทั่วไปเลยค่ะ ทั้ง booking expedia และ agoda แต่เพิ่ม ctrip ที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น trip แล้ว เพราะเป็นเว็บของจีนจะซึ่งมีโรงแรมให้เลือกเยอะกว่า แล้วอ่านรีวิวของคนที่เคยเข้าพักโรงแรม เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
ในการเที่ยวทริปนี้พวกเราพักโรงแรม 2 แห่ง คือ Lijiang Rongyi Homestay สำหรับพักที่ลี่เจียง และ ibis Kunming Beijing Rd
  • เงินจีน   
เงินจีน หรือ เหรินหมินปี้ มีหน่วยเป็น หยวน หรือภาษาพูดว่า ไคว่ และมีหน่วยย่อยคล้ายกับสตางค์ของไทยเรา คือ  เจียว หรือภาษาพูดว่า เหมา และ เฟิน
     1 หยวน/ไคว่ เท่ากับ 10 เจียว/เหมา
     1 เจียว/เหมา เท่ากับ 10 เฟิน
สำหรับรูปแบบของเงินจะมีเงินเหรียญและธนบัตร โดยปัจจุบันที่ยมใช้ในจีน คือ
     เงินเหรียญจะมี 1 หยวน และ 1, 5 เจียว
     เงินธนบัตรจะมี 1, 5 เจียว และ 1, 5, 10, 20, 50 และ 100 หยวน
ซึ่งร้านรับแลกเงินจะรับแลกในส่วนที่เป็นธนบัตรเท่านั้น เหรียญจะไม่รับแลก อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 4 บาทกว่าๆ ต่อ 1 หยวน โดยอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับแบงค์เล็กและแบงค์ใหญ่ไม่เท่ากัน แนะนำให้แลกแบงค์เล็กพกติดตัวไปด้วยบ้าง เพราะถ้าเข้าร้านค้าเล็กๆ หรือซื้อของตามรถเข็น ให้แบงค์ใหญ่แล้วจะไม่มีเงินทอน
  • อินเตอร์เน็ต
สำหรับพวกเราซึ่งไปกันแค่ 2 คนเลยเลือกที่จะโรมมิ่งซิมท่องเที่ยวจากไทยแค่ซิมเดียวแล้วใช้วิธีแชร์ wi-fi ให้กันใช้แทน ซึ่งค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าเช่า Pocket wi-fi และที่สำคัญอีกอย่างคืด สามารถใช้ Line และ Google ได้ แต่ถ้าเช่า Pocket wi-fi จะไม่สามารถใช้ได้ ตอนที่เราหาข้อมูลตอนนั้นซิมของ AIS จะใช้ที่จีนไม่ได้ มีแค่ Ture และ Dtac ที่ใช้ผ่านเครือข่ายของ China mobile ทั้งคู่ สุดท้ายพวกเราก็ซื้อซิมของ Dtac
ในตอนใช้งานจริง ถ้าในกรณีรับส่งข้อมูลเป็นข้อความในไลน์หรือวีแชทก็สามารถใช้งานได้เป็นปกติ แต่ถ้าต้องเปิดเว็บไซต์ที่มีรูปเยอะๆ อย่างเช่น พันทิป หรือ เฟสบุ๊ค ก็จะโหลดไม่ค่อยขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่มีการเคลื่อนที่เร็วๆ บนรถบัส หรือ รถไฟความเร็วสูง เน็ตจะช้ากว่าปกติ
ข้อควรระวัง ระบบมือถือของจีน 4G จะไม่รองรับการทำงานกับมือถือทุกรุ่น ตอนที่ไปซื้อซิมเจ้าหน้าที่ Dtac ได้ช่วยเชครุ่นมือถือให้พวกเราว่าสามารถใช้งานได้ ซึ่งมือถือรุ่นใหม่ๆส่วนใหญ่จะสามารถใช้ได้
  • การจองรถไฟ
การจองรถไฟจีนสำหรับคนต่างชาติจะต้องจองผ่านเอเจซี่เท่านั้น ซึ่งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการจอง ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวช่วงเทศกาลหยุดยาวของจีน หรือไปถึงแล้วต้องขึ้นรถไฟเลย แนะนำให้ไปซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟที่จีนดีกว่า เพราะค่าธรรมเนียมคิดเป็นต่อตั๋วหนึ่งใบไม่ใช่ต่อครั้งที่จอง สำหรับเทศกาลวันหยุดยาวของจีนที่มากกว่า 3 วัน คือ
     วันขึ้นปีใหม่ โดยมากจะหยุดประมาณ 4 วัน ตั้งแต่ 31 ธันวาคม ถึง 3 มกราคม
     วันตรุษจีน เป็นวันหยุดที่ยาวมากที่สุดของจีน ประมาณ 15-30 วัน ซึ่งวันตรุษจีนแต่ละปีจะไม่ตรงกันอยู่ในช่วงปลายเดือนมกราคม ถึง กลางเดือนกุมภาพันธ์
     วันเช็งเม้ง คือ วันไหว้บรรพบุรุษ จะหยุด 3-4 วัน ในช่วงวันที่ 2-5 เมษายน
     วันแรงงานสากล วันแรงงานสากลตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคม แต่โรงงานบางแห่งจะหยุดยาว 3-7 วัน
    วันชาติจีน ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเทศกาลนี้ จะหยุดในวันที่ 1-7 ตุลาคม
แต่สำหรับเทศกาลที่คนจีนจะกลับบ้านและใช้รถไฟเยอะมากๆ คือ วันตรุษจีน และ วันชาติจีน ถ้าใครไปเที่ยวในช่วงนั้นแนะนำให้จองรถไฟล่วงหน้า เพราะที่นั่งในรถไฟจะเต็มเร็วมาก

ในทริปนี้พวกเราได้ทำการจองล่วงหน้าผ่าน ctrip หรือ trip สำหรับตั๋วไป-กลับ คุนหมิง-ลี่เจียง เพราะหลังจากลงเครื่องแล้วพวกเราจะตรงไปลี่เจียงก่อนเลย พวกเรากลัวว่าจะเสียเวลาแล้วไม่ทันรถไฟเลยจองไว้ก่อน และ จะได้ห้องพักเดียวกัน เพราะ การจองรถไฟไม่สามารถระบุที่นั่งได้ แต่ถ้าหากจองพร้อมกันและจองเร็วมักจะได้ที่ติดกันหรืออยู่ห้องเดียวกัน การจองผ่าน ctrip จะมีค่าธรรมเนียมการจอง 20 หยวนต่อใบ ส่วนราคาตั๋วขึ้นกับประเภทที่นั่ง/ที่นอน และ ตำแหน่งของที่นั่ง/ที่นอน โดยสามารถตัดเงินผ่านบัตร
  • แอปพลิเคชัน
สำหรับคนที่จะไปเที่ยวด้วยตัวเองพวกเรามีแอปพลิเคชันแนะนำให้ติดเครื่องไว้ คือ

WeChat เป็นแอปสำหรับการติดต่อที่คนจีนนิยมใช้เยอะที่สุด ถึงแม้ว่าจะเปิดโรมมิ่งไปสามารถใช้ Line และ Facebook ได้ แต่เราก็แนะนำให้โหลดไว้ใช้เผื่อกรณีฉุกเฉิน เพราะ Wi-fi ในจีนไม่สามารถใช้ทั้ง 2 แอปนี้ได้รวมถึงในโรงแรมด้วย  รวมถึงการติดต่อกับคนจีนก็ยังต้องใช้ WeChat ทั้งติดต่อกับโรงแรมโดยเฉพาะที่เป็นโฮมสเตย์ หรือ ถ้าใช้บริการ Local Tour ก็จะใช้กรุ๊ปของ WeChat ในการติดต่อกัน การใช้งานแอปนี้ก็จะคล้ายๆกับ Line ที่บ้านเรานิยมใช้
Baidu Map เป็นแอปที่คล้ายๆ Google Map แต่ว่าเป็นของบริษัทจีนที่พัฒนาเอง ซึ่งแผนที่ในจีนจะละเอียดมากกว่า มี Street View ให้ดู และสามารถหาเส้นทางการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะได้ แต่ข้อเสียคือ สามารถใช้ได้แค่ภาษาจีนเท่านั้น สามารถดูการใช้งาน Baidu Map ทั้งในส่วนของเว็บไซด์ และ แอปพลิเคชัน ได้ที่  หาเส้นทางรถประจำทาง/รถไฟฟ้าด้วย Baidu Map
Pleco เป็นแอปแปลภาษาจีนที่เราชอบใช้ แต่ใช้แปลได้แค่ภาษอังกฤษ ไม่มีแปลเป็นไทย สามารใส่แบบพินอิน เขียนตัวอักษร หรือ ภาพถ่าย ก็ได้ สามารถใส่ข้อความเป็นประโยคได้ แต่ว่าจะแปลคำศัพท์เป็นคำๆ เรารู้สึกว่าแอปนี้แปลได้ดีกว่า Google translate แต่จะใช้คู่กันไปทั้ง 2 แอปก็ได้
MetroMan เป็นแอปรถไฟฟ้าในจีน ที่มีข้อมูลหลายในเมืองเป็นภาษาอังกฤษ โดยสามารถเลือกเมืองได้จากมุมบนขวาของแอป แอปนี้เรามาเจอทีหลังจากไปเที่ยวมาแล้ว ไม่แน่ใจว่าตอนใช้จริงเป็นยังไง แต่เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับคนไปเที่ยวเอง โดยเฉพาะเมืองใหญ่ที่มีรถไฟฟ้าหลายเส้น เลยแนะนำให้ติดเครื่องไว้ก่อนไปเที่ยว



  • แผนการเดินทาง
ก่อนไปจีนนอกเหนือจากแผนการเดินทางแล้ว เราแนะนำให้เตรียมภาพและชื่อสถานที่เป็นภาษาจีน ของสถานที่เที่ยว และ สถานที่ที่ต้องไป เช่น สถานีรถไฟ สนามบิน จุดขึ้นบัส เอาไว้ ยิ่งถ้าพูดภาษาจีนไม่ได้เหมือนพวกเรา ยิ่งควรทำ ถ้าจะขึ้นแท็กซี่หรือถามทางก็เอารูปให้คนจีนดู สามารถช่วยได้พอสมควรเลยค่ะ

สามารถติดตามการเริ่มต้นการเดินทางไปเที่ยวจีนครั้งนี้ของพวกเราได้ที่ Day1 : บินตรงสู่คุนหมิง-รถไฟนอนไปลี่เจียง

<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
สามารถติดตามตอนอื่นๆของ [รีวิว:เที่ยวจีน] Let's Go Yunnan <เที่ยวจีนด้วยตัวเอง 6วัน5คืน แบบพูดจีนไม่ได้> ได้ที่
Let's Go Yunnan Day 0 : เตรียมตัวก่อนเดินทาง
Let's Go Yunnan Day 1 : บินตรงสู่คุนหมิง-รถไฟนอนไปลี่เจียง
Let's Go Yunnan Day 2 : เมืองโบราณลี่เจียง มนต์เสน่ห์เมืองมรดกโลก
Let's Go Yunnan Day 3 : ภูเขาหิมะมังกรหยก ทิวทัศน์สุดอลังการ
Let's Go Yunnan Day 4 : คุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน
Let's Go Yunnan Day 5 : ผู่เจ่อเฮย ตามรอยสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น