จากสนามบินสุวรรณภูมิ พวกเราเดินทางด้วยเที่ยวบิน MU742 ของสายการบิน China Eastern Airline โดยออกจากสนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 15.55 น. เพื่อไปลงยังสนามบินคุนหมิงฉางสุ่ยในเวลา 19.25 น.
สายการบิน China Eastern Airline เป็นสายการบิน Full service สัญชาติจีน เครื่องบินเป็นเครื่องขนาดไม่ใหญ่ สภาพเครื่องไม่ใหม่แต่ก็ไม่เก่า สะอาด แถวหนึ่งมี 5 ที่นั่ง ฝั่งละ 2 และ 3 ที่นั่ง ที่นั่งไม่แคบเท่าสายการบินต้นทุนต่ำ แต่ก็ไม่กว้างมากนัก การเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็นั่งได้สบายๆ ไม่เมื่อยมาก
ระหว่างเดินทางก็มีอาหารให้ทาน มีให้เลือก 2 อย่าง เสริฟพร้อมกับยำผลไม้ ขนมปัง และ หม้อข้าวหม้อแกง รสชาติอาหารค่อนข้างดี แต่ยำรสชาติออกจะแปลกๆอยู่ซักหน่อย เครื่องดื่มสามารถเลือกและขอเพิ่มได้ได้เหมือนสายการบิน Full service ทั่วไปเลยค่ะ
เมื่อถึงสนามบินคุนหมิงฉางสุ่ย แล้วพวกเราก็ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งใช้เวลาไม่นานมากเท่าไหร่ แต่ที่พวกเรารอนานกว่าที่คิดไว้ก็คือ รอรับกระเป๋าเดินทางจากสายพาน เมื่อได้กระเป๋าแล้วพวกเราก็ต้องรีบไปขึ้น Airport Shuttle Bus No.2 เพื่อไปสถานีรถไฟคุนหมิงให้ทันรอบรถไฟที่จองไว้ (รถไฟออก 22.05 น.) จนลืมถ่ายรูปที่ขายตั๋วไว้
Airport Shuttle Bus No.2 จะวิ่งระหว่างสนามบิน และ สถานีรถไฟคุนหมิง(จอดหน้าโรงแรมจินเจียง) ระหว่างทางจะหยุดรับ-ส่งผู้โดยสาร 2-3 จุด ที่ซื้อตั๋วจะอยู่ด้านนอกระหว่างทางออก 3 และ 4 ของสนามบิน การซื้อตั๋วของพวกเราคือชี้รูปสถานที่ที่มีชื่อภาษาจีนและภาษาอังกฤษที่เราเตรียมไว้ให้คนขายตั๋วดู ราคา 25 หยวน/คน รถจะออกทุกๆ 30 นาที โดยรถบัสจะจอดรออยู่ฝั่งตรงข้ามที่ขายตั๋ว หน้าทางขึ้นรถจะมีป้ายบอกปลายทางเป็นภาษาจีน แต่ถ้าอ่านไม่ออกให้เราเอาตั๋วให้พนักงานดูถ้าผิดคันพนักงานจะบอกเราเอง รถจะใช้วิ่งเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงจะถึงป้ายสถานีรถไฟคุนหมิง(หน้าโรงแรมจินเจียง)
การเดินจากโรงแรมจินเจียไปสถานีรถไฟคุนหมิง คือ เมื่อลงจากรถหันหน้าออกถนน แล้วเดินไปทางขวามือ ตรงไปเรื่อยๆ สถานีรถไฟจะอยู่สุดทาง ทางเข้าจะเป็นช่องๆสำหรับสแกนกระเป๋าและมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ตอนแรกพวกเราเข้าใจว่าเป็นช่องตรวจตั๋วเลยไม่ได้เดินเข้าไป เพราะพวกเรายังไม่ได้แลกตั๋วรถไฟ สรุปว่าช่องนั้นเป็นแค่ที่สแกนกระเป๋า ยังไม่ต้องใช้ตั๋วในการเข้า
สถานีรถไฟที่จีนจะไม่เหมือนบ้านเรา ก่อนเข้าสถานีทุกครั้งจะต้องมีการแสกนกระเป๋าทุกครั้ง ทั้งสถานีรถไฟ รถไฟฟ้า และรถไฟฟ้าใต้ดิน คล้ายๆกับการเข้าสนามบิน โดยเฉพาะสถานีใหญ่ช่วงเวลาเร่งด่วนจะมีแถวยาวมาก พวกเราเคยรอตรวจกระเป๋าช่วงหกโมงเย็นอยู่เกือบ 1 ชั่วโมง ดังนั้นใครใช้รถไฟที่จีนจะต้องเผื่อเวลาด้วย
พอผ่านจุดสแกนกระเป๋า ทางด้านซ้านจะเป็นจุดตรวจตั๋วเข้าชานชาลา สำหรับพวกเราต้องไปสถานที่ขายตั๋วซึ่งจะอยู่ด้านขวามือ โดยจะมีช่องสำหรับผู้ที่จองออนไลน์โดยเฉพาะ ให้สังเกตุตัวอักษรบนช่องขายตั๋วจะมีตัวอักษรภาษจีน 取票窗口 หรือ 取票专口 ซึ่งก็คือ ช่องหมายเลข 8 ในการแลกตั๋วเราเอาหน้าการจองที่มีหมายเลขการจองในแอป trip (เราลืมแคปหน้าจอเก็บเอาไว้) พร้อมกับพาสสปอร์ตของเราทั้งคู่ให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลถ้าตรงกันก็จะออกตั๋วจริงมาให้
หลังจากได้ตั๋วเรียบร้อยแล้วพวกเราก็เข้าไปรอรถไฟที่ชานชาลา ถ้าในตั๋วไม่มีบอกหมายเลขชานชาลา ก็สามารถได้ที่บอร์ดคล้ายๆกับในสนามบิน โดยสามารถดูหมายเลขขบวนรถไฟได้จากตั๋ว การอ่านตั๋วรถไฟจีนอ่านอย่างไร? รถไฟที่พวกเราจองคือ ขบวน K9616 คุนหมิง-ลี่เจียง เป็นขบวนรถไฟข้ามคืน โดยพวกเราเลือกที่นอนแบบ Soft Sleeper โดยจะออกจากคุนหมิงตอน 22.05 น.
ในตอนที่พวกเราไปรถไฟความเร็วสูงจากคุนหมิงไปลี่เจียงยังไม่เปิดใช้บริการ รถไฟธรรมดาจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชั่วโมง ทำให้พวกเราเลือกเดินทางด้วยรถไฟนอนเพื่อประหยัดเวลา แต่ในปัจจุบันรถไฟความเร็วสูงเปิดให้บริการแล้ว สำหรับใครที่ไม่อยากนอนบนรถไฟ ก็สามารถใช้บริการรถไฟความเร็วสูงได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น
ในตอนที่พวกเราไปถึงก็ใกล้ได้เวลาเปิดให้เข้าไปรอรถไฟภายใน Gate แล้ว ทำให้มีคนมารอคิวค่อนข้างมาก Gate จะเปิดให้เข้าก่อนรถไฟออกประมาณครึ่งชั่วโมง และ ปิดก่อนรถไฟออกประมาณ 5 นาที ที่ทางเข้า Gate จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วประจำอยู่ รถไฟที่จีนออกตรงเวลา ดังนั้น แนะนำให้มาถึงก่อนเวลา และเผื่อเวลาในการตรวจกระเป๋าก่อนเข้าชานชาลา โดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน
ห้องค่อนข้างเก่า มีกลิ่นอับบ้างเล็กน้อย แต่ก็สะอาดอยู่พอสมควร ที่เตียงจะมีหมอนและผ้าห่มให้เตียงละชุด ในห้องจะมีโต๊ะวางของอยู่ตัวหนึ่ง ที่เตียงบนข้างเตียงจะมีตาข่ายเล็กๆติดกับกำแพงให้วางของได้นิดหน่อย และมีที่วางกระเป๋าอยู่ปลายเตียง แต่ถ้ากระเป๋าเดินทางหนักอาจจะยกขึ้นไม่ไหว ส่วนเตียงล่างต้องวางกระเป๋าไว้ที่ทางเดินหรือใต้โต๊ะ
พอรถไฟออกซักพักก็จะมีเจ้าหน้าที่มาถามอะไรซักอย่างเป็นภาษาจีน พวกเราเดาว่าถามหรือเช็คว่าจะลงที่ไหน เพราะว่ารถไฟจะจอดที่ต้าหลี่ด้วย เจ้าหน้าที่เลยมาเช็คก่อนว่าห้องไหนมีใครลงที่ไหนบ้าง
เราไม่แน่ใจว่ารถขบวนนี้มีโบกี้ห้องอาหารหรือไม่ แต่ว่าบนรถไฟมีเจ้าหน้าที่เข็นรถขายอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงมีตู้น้ำร้อนสำหรับใครที่อยากทานมาม่า บนรถไม่ห้องอาบน้ำ มีแต่ห้องน้ำ และ ห้องสำหรับล้างหน้าแปรงฟัน ที่เป็นห้องรวมมีอ่างล้างหน้าอยู่ 3 ใบ สำหรับใครที่มีเวลาก่อนขึ้นรถไฟแนะนำให้เปลี่ยนชุดก่อนขึ้นรถไฟ เพราะห้องน้ำบนรถไฟค่อนข้างแคบเปลี่ยนชุดยาก
บนรถไฟพวกเราเจอคนไทยที่มาเที่ยวกันเองอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะนอนคนละห้องกัน พวกเราได้พักห้องเดียวกับคู่รักชาวเกาหลีที่ไปลี่เจียงเช่นเดียวกัน พอรถออกได้พักใหญ่พวกเราก็เข้านอนกัน แต่ว่าหลับไม่ค่อยสนิทมากนัก เพราะมีเสียงรถไฟวิ่งดังเกือบทั้งคืน
สามารถติดตามการเที่ยวเมืองโบราณลี่เจียงในวันที่สองของพวกเราได้ที่ Day2 : เมืองโบราณลี่เจียง
<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
สามารถติดตามตอนอื่นๆของ [รีวิว:เที่ยวจีน] Let's Go Yunnan <เที่ยวจีนด้วยตัวเอง 6วัน5คืน แบบพูดจีนไม่ได้> ได้ที่
Let's Go Yunnan Day 0 : เตรียมตัวก่อนเดินทาง
Let's Go Yunnan Day 1 : บินตรงสู่คุนหมิง-รถไฟนอนไปลี่เจียง
Let's Go Yunnan Day 2 : เมืองโบราณลี่เจียง มนต์เสน่ห์เมืองมรดกโลก
Let's Go Yunnan Day 3 : ภูเขาหิมะมังกรหยก ทิวทัศน์สุดอลังการ
Let's Go Yunnan Day 4 : คุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน
Let's Go Yunnan Day 5 : ผู่เจ่อเฮย ตามรอยสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น