[รีวิว:เที่ยวจีน] Let's Go Yunnan Day 1 : บินตรงสู่คุนหมิง-รถไฟนอนไปลี่เจียง <เที่ยวจีนด้วยตัวเอง 6วัน5คืน แบบพูดจีนไม่ได้>

วันแรกนี้จะเป็นการเดินทางจากกรุงเทพฯเพื่อไปยังลี่เจียง โดยพวกเราเริ่มต้นออกจากกรุงเทพฯ ไปสนามบินสุวรรณภูมิ นั่งเครื่องบินไปลงสนามบินที่คุนหมิง ต่อรถบัสเพื่อไปสถานีรถไฟคุนหมิง แล้วขึ้นรถไฟนอนซึ่งเป็นขบวนรถไฟข้ามคืน และจะถึงสถานีรถไฟลี่เจียงในเช้าวันถัดไป

จากสนามบินสุวรรณภูมิ พวกเราเดินทางด้วยเที่ยวบิน MU742 ของสายการบิน China Eastern Airline โดยออกจากสนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 15.55 น. เพื่อไปลงยังสนามบินคุนหมิงฉางสุ่ยในเวลา 19.25 น.

สายการบิน China Eastern Airline เป็นสายการบิน Full service สัญชาติจีน เครื่องบินเป็นเครื่องขนาดไม่ใหญ่ สภาพเครื่องไม่ใหม่แต่ก็ไม่เก่า สะอาด แถวหนึ่งมี 5 ที่นั่ง ฝั่งละ 2 และ 3 ที่นั่ง ที่นั่งไม่แคบเท่าสายการบินต้นทุนต่ำ แต่ก็ไม่กว้างมากนัก การเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็นั่งได้สบายๆ ไม่เมื่อยมาก
ระหว่างเดินทางก็มีอาหารให้ทาน มีให้เลือก 2 อย่าง เสริฟพร้อมกับยำผลไม้ ขนมปัง และ หม้อข้าวหม้อแกง รสชาติอาหารค่อนข้างดี แต่ยำรสชาติออกจะแปลกๆอยู่ซักหน่อย เครื่องดื่มสามารถเลือกและขอเพิ่มได้ได้เหมือนสายการบิน Full service ทั่วไปเลยค่ะ
เมื่อถึงสนามบินคุนหมิงฉางสุ่ย แล้วพวกเราก็ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งใช้เวลาไม่นานมากเท่าไหร่ แต่ที่พวกเรารอนานกว่าที่คิดไว้ก็คือ รอรับกระเป๋าเดินทางจากสายพาน เมื่อได้กระเป๋าแล้วพวกเราก็ต้องรีบไปขึ้น Airport Shuttle Bus No.2 เพื่อไปสถานีรถไฟคุนหมิงให้ทันรอบรถไฟที่จองไว้ (รถไฟออก 22.05 น.) จนลืมถ่ายรูปที่ขายตั๋วไว้

Airport Shuttle Bus No.2 จะวิ่งระหว่างสนามบิน และ สถานีรถไฟคุนหมิง(จอดหน้าโรงแรมจินเจียง) ระหว่างทางจะหยุดรับ-ส่งผู้โดยสาร 2-3 จุด ที่ซื้อตั๋วจะอยู่ด้านนอกระหว่างทางออก 3 และ 4 ของสนามบิน การซื้อตั๋วของพวกเราคือชี้รูปสถานที่ที่มีชื่อภาษาจีนและภาษาอังกฤษที่เราเตรียมไว้ให้คนขายตั๋วดู ราคา 25 หยวน/คน รถจะออกทุกๆ 30 นาที โดยรถบัสจะจอดรออยู่ฝั่งตรงข้ามที่ขายตั๋ว หน้าทางขึ้นรถจะมีป้ายบอกปลายทางเป็นภาษาจีน แต่ถ้าอ่านไม่ออกให้เราเอาตั๋วให้พนักงานดูถ้าผิดคันพนักงานจะบอกเราเอง รถจะใช้วิ่งเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงจะถึงป้ายสถานีรถไฟคุนหมิง(หน้าโรงแรมจินเจียง)
การเดินจากโรงแรมจินเจียไปสถานีรถไฟคุนหมิง คือ เมื่อลงจากรถหันหน้าออกถนน แล้วเดินไปทางขวามือ ตรงไปเรื่อยๆ สถานีรถไฟจะอยู่สุดทาง ทางเข้าจะเป็นช่องๆสำหรับสแกนกระเป๋าและมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ตอนแรกพวกเราเข้าใจว่าเป็นช่องตรวจตั๋วเลยไม่ได้เดินเข้าไป เพราะพวกเรายังไม่ได้แลกตั๋วรถไฟ สรุปว่าช่องนั้นเป็นแค่ที่สแกนกระเป๋า ยังไม่ต้องใช้ตั๋วในการเข้า

สถานีรถไฟที่จีนจะไม่เหมือนบ้านเรา ก่อนเข้าสถานีทุกครั้งจะต้องมีการแสกนกระเป๋าทุกครั้ง ทั้งสถานีรถไฟ รถไฟฟ้า และรถไฟฟ้าใต้ดิน คล้ายๆกับการเข้าสนามบิน โดยเฉพาะสถานีใหญ่ช่วงเวลาเร่งด่วนจะมีแถวยาวมาก พวกเราเคยรอตรวจกระเป๋าช่วงหกโมงเย็นอยู่เกือบ 1 ชั่วโมง ดังนั้นใครใช้รถไฟที่จีนจะต้องเผื่อเวลาด้วย

พอผ่านจุดสแกนกระเป๋า ทางด้านซ้านจะเป็นจุดตรวจตั๋วเข้าชานชาลา สำหรับพวกเราต้องไปสถานที่ขายตั๋วซึ่งจะอยู่ด้านขวามือ โดยจะมีช่องสำหรับผู้ที่จองออนไลน์โดยเฉพาะ ให้สังเกตุตัวอักษรบนช่องขายตั๋วจะมีตัวอักษรภาษจีน  取票窗口 หรือ 取票专口 ซึ่งก็คือ ช่องหมายเลข 8 ในการแลกตั๋วเราเอาหน้าการจองที่มีหมายเลขการจองในแอป trip (เราลืมแคปหน้าจอเก็บเอาไว้) พร้อมกับพาสสปอร์ตของเราทั้งคู่ให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลถ้าตรงกันก็จะออกตั๋วจริงมาให้
หลังจากได้ตั๋วเรียบร้อยแล้วพวกเราก็เข้าไปรอรถไฟที่ชานชาลา ถ้าในตั๋วไม่มีบอกหมายเลขชานชาลา ก็สามารถได้ที่บอร์ดคล้ายๆกับในสนามบิน โดยสามารถดูหมายเลขขบวนรถไฟได้จากตั๋ว การอ่านตั๋วรถไฟจีนอ่านอย่างไร? รถไฟที่พวกเราจองคือ ขบวน K9616 คุนหมิง-ลี่เจียง เป็นขบวนรถไฟข้ามคืน โดยพวกเราเลือกที่นอนแบบ Soft Sleeper โดยจะออกจากคุนหมิงตอน 22.05 น.

ในตอนที่พวกเราไปรถไฟความเร็วสูงจากคุนหมิงไปลี่เจียงยังไม่เปิดใช้บริการ รถไฟธรรมดาจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชั่วโมง ทำให้พวกเราเลือกเดินทางด้วยรถไฟนอนเพื่อประหยัดเวลา แต่ในปัจจุบันรถไฟความเร็วสูงเปิดให้บริการแล้ว สำหรับใครที่ไม่อยากนอนบนรถไฟ ก็สามารถใช้บริการรถไฟความเร็วสูงได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น

ในตอนที่พวกเราไปถึงก็ใกล้ได้เวลาเปิดให้เข้าไปรอรถไฟภายใน Gate แล้ว ทำให้มีคนมารอคิวค่อนข้างมาก Gate จะเปิดให้เข้าก่อนรถไฟออกประมาณครึ่งชั่วโมง และ ปิดก่อนรถไฟออกประมาณ 5 นาที ที่ทางเข้า Gate จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วประจำอยู่ รถไฟที่จีนออกตรงเวลา ดังนั้น แนะนำให้มาถึงก่อนเวลา และเผื่อเวลาในการตรวจกระเป๋าก่อนเข้าชานชาลา โดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน
หลังจากขึ้นรถไฟมาแล้ว พวกเราก็ตามหาที่นอนกัน สามารถดูหมายเที่นอนจากตั๋ว การอ่านตั๋วรถไฟจีนอ่านอย่างไร? พวกเราที่จองที่นอนแบบ Soft Sleeper ซึ่งหนึ่งห้องจะมี 4 เตียง บน-ล่าง 2 ฝั่ง และ มีประตูเปิดปิดหน้าห้อง ที่หน้าห้องจะมีเลขเป็นเลขห้องห้องตัวใหญ่(บนตั๋วไม่มีบอกเลขห้อง) และ เลขเตียงที่เป็นตัวเลขสี่ตัววางตามตำแหน่งเตียงในห้อง บน-ล่าง ซ้าย-ขวา
ห้องค่อนข้างเก่า มีกลิ่นอับบ้างเล็กน้อย แต่ก็สะอาดอยู่พอสมควร ที่เตียงจะมีหมอนและผ้าห่มให้เตียงละชุด ในห้องจะมีโต๊ะวางของอยู่ตัวหนึ่ง ที่เตียงบนข้างเตียงจะมีตาข่ายเล็กๆติดกับกำแพงให้วางของได้นิดหน่อย และมีที่วางกระเป๋าอยู่ปลายเตียง แต่ถ้ากระเป๋าเดินทางหนักอาจจะยกขึ้นไม่ไหว ส่วนเตียงล่างต้องวางกระเป๋าไว้ที่ทางเดินหรือใต้โต๊ะ

พอรถไฟออกซักพักก็จะมีเจ้าหน้าที่มาถามอะไรซักอย่างเป็นภาษาจีน พวกเราเดาว่าถามหรือเช็คว่าจะลงที่ไหน เพราะว่ารถไฟจะจอดที่ต้าหลี่ด้วย เจ้าหน้าที่เลยมาเช็คก่อนว่าห้องไหนมีใครลงที่ไหนบ้าง

เราไม่แน่ใจว่ารถขบวนนี้มีโบกี้ห้องอาหารหรือไม่ แต่ว่าบนรถไฟมีเจ้าหน้าที่เข็นรถขายอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงมีตู้น้ำร้อนสำหรับใครที่อยากทานมาม่า บนรถไม่ห้องอาบน้ำ มีแต่ห้องน้ำ และ ห้องสำหรับล้างหน้าแปรงฟัน ที่เป็นห้องรวมมีอ่างล้างหน้าอยู่ 3 ใบ สำหรับใครที่มีเวลาก่อนขึ้นรถไฟแนะนำให้เปลี่ยนชุดก่อนขึ้นรถไฟ เพราะห้องน้ำบนรถไฟค่อนข้างแคบเปลี่ยนชุดยาก

บนรถไฟพวกเราเจอคนไทยที่มาเที่ยวกันเองอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะนอนคนละห้องกัน พวกเราได้พักห้องเดียวกับคู่รักชาวเกาหลีที่ไปลี่เจียงเช่นเดียวกัน พอรถออกได้พักใหญ่พวกเราก็เข้านอนกัน แต่ว่าหลับไม่ค่อยสนิทมากนัก เพราะมีเสียงรถไฟวิ่งดังเกือบทั้งคืน

สามารถติดตามการเที่ยวเมืองโบราณลี่เจียงในวันที่สองของพวกเราได้ที่ Day2 : เมืองโบราณลี่เจียง

<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
สามารถติดตามตอนอื่นๆของ [รีวิว:เที่ยวจีน] Let's Go Yunnan <เที่ยวจีนด้วยตัวเอง 6วัน5คืน แบบพูดจีนไม่ได้> ได้ที่
Let's Go Yunnan Day 0 : เตรียมตัวก่อนเดินทาง
Let's Go Yunnan Day 1 : บินตรงสู่คุนหมิง-รถไฟนอนไปลี่เจียง
Let's Go Yunnan Day 2 : เมืองโบราณลี่เจียง มนต์เสน่ห์เมืองมรดกโลก
Let's Go Yunnan Day 3 : ภูเขาหิมะมังกรหยก ทิวทัศน์สุดอลังการ
Let's Go Yunnan Day 4 : คุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน
Let's Go Yunnan Day 5 : ผู่เจ่อเฮย ตามรอยสามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น