[รีวิว:เที่ยวญี่ปุ่น] เที่ยวโตเกียวที่มากกว่าโตเกียว 7 วัน 5 คืน ตอนที่ 3 - เอโดะ-วันเดอร์แลนด์ เช้าไป-เย็นกลับ จากโตเกียว

ตอนนี้เป็นการเดินทางไปเที่ยวที่เอโดะ วันเดอร์แลนด์จากโตเกียวแบบ ไปเช้า-เย็นกลับ จะอธิบายการเดินทางไปโดยรถไฟสายโทบุ และการต่อรถบัสเพื่อไปยังเอโดะ วันเดอร์แลนด์ การเช่าชุดเที่ยวภายในเอโดะ วันเดอร์แลนด์ และนำถนนซากุระ-นามิกิ ถนนสายเล็กๆใกล้สถานีรถไฟคินุกาวะ-ออนเซ็น ที่สองข้างทางเป็นต้นซากุระ เป็นหนึ่งจุดที่สามารถชมความสวยงามของดอกซากุระได้

DAY 3 : เอโดะ วันเดอร์แลนด์

วันนี้พวกเราตื่นกันเช้านิดนึงเพื่อไปเที่ยวเอโดะ วันเดอร์แลนด์กัน ระหว่างที่เตรียมก็ถ่ายรูปสวยๆจากระเบียงห้องนอนยามเช้ากันก่อน วันนี้พวกเราไม่ได้ทานอาหารเช้าของโรงแรมเนื่องจากรถไฟรอบที่พวกเราจองไว้ออกตอน 6.30 น. แต่อาหารเช้าเริ่มเสริฟตอน 
6.30 น. พอดี พวกเลยตัดสินใจไม่ทานอาหารเช้าของโรงแรมเพราะรถไฟรอบถัดไปก็จะถึงเอโดะ วันเดอร์แลนด์ สายเกินไป
เราออกจากโรงแรมมาขึ้นรถไฟด่วนสายโทบุ รถออก 6.30 น. จะถึงสถานีคินุกาวะ-ออนเซ็นเวลา 8.34 น. จากนั้นให้เดินออกจากสถานีไปหาป้ายรถเมล์ หมายเลข 3 (ออกมาหน้าสถานีจะเจอรูปปั้น ให้เดินไปทางขวามือ) ค่ารถเมล์จ่ายบนรถได้เลย ไม่ต้องซื้อตั๋วก่อน
Credit : http://www.tobu.co.jp/foreign/en/access/bus_kinugawa.html
ค่ารถเมล์สำหรับไปลงเอโดะ วันเดอร์แลนด์ คนละ 410 เยน โดยให้หยอดเงินใส่ลงในกล่องข้างคนขับรถ โดยต้องใส่จำนวนเงินให้พอดีไม่มีเงินทอน แต่จะมีที่สำหรับแลกเหรียญอยู่ที่ตู้เดียวกับตู้เก็บเงิน
รถเมล์จะมาส่งหน้าเอโดะ วันเดอร์แลนด์เลย ถ้าใครยังไม่ซื้อตั๋วก็สามารถซื้อได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋ว แต่พวกเราซื้อตั๋วเข้าชมจากไทยมาแล้ว ก็สามารถใช้ตั๋วนั้นเข้าได้เลย หลังจากผ่านจุดตรวจตั๋วเดินมาตามทางซักพักจะถึงทางเข้า 
จะมีเจ้าหน้าที่เรียกถ่ายรูปกับบ้านโบราณไว้ขายนักท่องเที่ยว แต่ก็สามารถเอากล้องตัวเองให้เจ้าหน้าที่ช่วยถ่ายให้ด้วยได้ ตอนที่พวกเราไปมีคนถ่ายรูปอยู่ก่อน เจ้าหน้าที่ให้เราต่อแถวรอ แต่คนหน้าถ่ายกันนานแล้วก็ขี้เกียจรอ และก็ไม่ได้อยากภาพมุมนั้นเท่าไหร่เลยเดินเลยออกมา เลยจุดที่ถ่ายภาพมาหน่อยด้านซ้ายมือ จะเป็นจุดเช่าชุดกิโมโน ที่นี้มีชุดหลากหลายแบบให้เลือก ราคาก็ตามชุด ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ถ้าต้องการทำผมก็สามารถทำได้แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม


หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วจะมีกระเป๋าเล็กๆให้ใส่ของมีค่า ส่วนของอื่นๆก็ฝากไว้ที่ล็อกเกอร์ (แนะนำให้ถ่ายรูปหน้าล็อกเกอร์เก็บไว้ด้วย ตอนกลับมาเอาของจะได้ให้เจ้าหน้าที่ช่วยหาให้ได้ง่ายขึ้น) สำหรับใครที่จะมาเที่ยวแล้วจะเช่าชุด แนะนำให้พกของมาเท่าที่จำเป็นก็พอ เพราะของที่จะเอาติดตัวไปได้ค่อนข้างน้อย หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยก็ได้เวลาเดินเที่ยวรอบได้
หลังจากเดินเล่นได้ซักพักก็มาเจอโซน ร้านอาหาร พวกเราที่ออกจากโรงแรมแต่เช้ายังไม่ได้ทานข้าวกัน ก็ต้องมาเติมพลังกันก่อนซักหน่อย


ช่วงที่พวกเรามาเที่ยวเป็นช่วงที่ดอกซากุระฟลูบูมพอดี ก็เลยได้ภาพสวยๆของดอกซากุระมาด้วย


ภายในเอโดะ วันเดอร์แลนด์นอกจะมีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆแล้ว จะมีพิพิธภัณฑ์แสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นในสมัยก่อนหลายอย่างให้ชม มีกิจกรรมให้ร่วมทำกิจกรรม 
สำหรับการชมการแสดง แนะนำว่าให้ศึกษารอบการแสดงที่ต้องการชมมาก่อน เพราะบางการแสดงจะแสดงพร้มอกัน สำหรับใครที่สนใจสามารถดูรายละเอียดการแสดงได้ที่เวปไซด์ทางการของเอโดะ วันเดอร์แลนด์ ซึ่งมีเป็นภาษาได้ด้วย แต่รอบการแสดงจะมีเฉพาะเวปไซด์เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น
     รายละเอียดการแสดง(ภาษาไทย) http://edowonderland.net/th/performances/
     รายละเอียดและรอบการแสดง(ภาษาญี่ปุ่น) http://edowonderland.net/show/
พวกเราไม่ได้ดูรอบการแสดงมากก่อนทำให้ได้ชมเพียงแค่ การแสดงน้ำเวทย์มนตร์ มิซึเกย์-ซะ เพียงการแสดงเดียว โดยก่อนเข้าชมจะต้องต่อแถวข้างหน้าโรงละคร ซึ่งจะมีพนังการมานับจำนวนผู้ชม ถ้าเกินกว่าที่โรงละครจะรับได้ก้จะไม่สามารถเข้าชมในรอบนั้นได้ แนะนำว่าควรไปรอคิวก่อนการแสดงจะเริ่มอย่างน้อย 5 - 10 นาที ก่อนเข้าโรงละครมีพนักงานแจกถุงสำหรับใส่รองเท้าและกระดาษแผ่นเล็กให้ ที่นั่งชมจะเป็นบนพื้นและมีเวทียกระดับขึ้นมา ส่วนกระดาษที่แจกไว้สำหรับหลังจบการแสดงแล้วแล้วให้เราห่อเหรียญเป็นทิปสำหรับนักแสดงโยนขึ้นไปบนเวที

สำหรับใครที่อยากดูพาเลท จะมีในช่วงเย็นซึ่งค่อนข้างเฉียวฉิวกับรถบัสรอบสุดท้าย ถ้าหากต้องการจะดูแนะนำให้ค้างที่เมืองนี้ซักหนึ่งคืน จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องรอบรถบัส พวกเราที่ไม่ได้รอดูพาเลทก็ไปเปลี่ยนชุดคืน โดยได้รับถุงเท้าแบบญี่ปุ่นที่เราใส่มาเป็นของที่ระลึก และมารอรถบัสที่หน้าทางเข้าเอโดะ วันเดอร์แลนด์โดยจะมีศาลาเล็กๆอยู่พร้อมบอกรอบเวลาที่รถวิ่ง
เมื่อมาถึงบริเวณสถานีคินุกาวะ-ออนเซ็น จุดหมายต่อมาคือถนนซากุระ-นามิกิ ถนนนี้เป็นถนนเล็กๆใกล้กับสถานีรถไฟ สามารถเดินไปได้ โดยเดินข้ามถนนจากลานหน้าสถานีรถไฟ จะมีซอยซึ่งอยู่เยื้องกับออนเซ็นแช่เท้าหน้าสถานี ให้เดินตามตรงไปจนสุดทางจะเป็น ถนนซากุระ-นามิกิ
ในระหว่างทางพวกเราก็แวะทานอาหารที่ร้านรางเม็ง มีเมนูที่ไม่เคยเห็นในไทย คือ ยากิโซบะน้ำ รสชาติเหมือนยากิโซบะแต่เป็นน้ำ ใครที่ชอบทานยากิโซบะก็น่าจะชอบแบบนี้เช่นกัน
ถนนซากุระ-นามิกิ เป็นถนนสำหรับรถวิ่งตอนที่พวกเราไปก็มีรถวิ่งเรื่อยๆ ดังนั้นเราไม่สามารถไปยืนกลางถนนแล้วถ่ายรูปได้ แต่มีฟุตทาทที่ต้นซากุระบานอยู่ตลอดทาง
สำหรับใครที่เดินมาทั้งวันแล้วเมื่อยที่หน้าสถานีมีบ่อออนเซ็นแช่เท้า สามารถแช่ได้ฟรี และมีร้านของฝากขายอยู่ใกล้ๆสถานีด้วย
หลังจากเดินเที่ยวรอบสถานีจนใกล้เวลารอบรถไฟที่จองไว้แล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับโตเกียว วันนี้มือเย็นพวกเรากลับมาทานกันแถวอาซากุสะ โดยเราจะทานเมนูเทมปุระ หนึ่งในเมนูขึ้นชื่อของย่านอาซากุสะ 

ร้านเทมปุระ Owariya  [尾張屋]

ร้านที่เรามาทานกันชื่อ ​Owariya เป็นร้านที่อยู่บริเวณใกล้ทางออกรถไฟฟ้าทางออก 3 เทมปุระร้านนี้​ จะไม่ได้เป็นทอดกรอบๆเหมือนบ้านเรา​ สำหรับใครที่ชอบเทมปุระแบบกรอบอาจจะไม่ชอบร้านนี้ แต่ค่อนข้างได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นมากทีเดียว ที่นั่งค่อนข้างเต็มและราคาก็ค่อนไปทางสูงจ้า

หลังจากกลับโรงแรมพวกเราก็ได้ไปออนเซนแช่เท้าที่ชั้น 10 ของโรงแรมด้วย แช่เท้าในน้ำร้อนผ่อนคลายความเมื่อยจากการเดินเที่ยวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีราเมนยามดึกซึ่งเป็นบริการฟรีของโรงแรม และในวันถัดมาพวกเราไปชมดอกซากุระที่เทศกาล Akagi Nanmen Senbonzakura และ เที่ยวสวนดอกไม้ที่เมืองกุนมะ สามารถติดตามอ่านได้ที่ ตอนที่ 4 - เทศกาลชมซากุระ และสวนดอกไม้ เมืองกุนมะ 1 วัน

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
[รีวิว:เที่ยวญี่ปุ่น] เที่ยวโตเกียวที่มากกว่าโตเกียว 7 วัน 5 คืน 
ตอนที่ 1 - เตรียมตัวก่อนเดินทาง + เดินทางไปญี่ปุ่น
ตอนที่ 2 - เที่ยวโตเกียว 1 วันด้วย Tokyo Subway Ticket
ตอนที่ 3 - เอโดะ-วันเดอร์แลนด์ เช้าไป-เย็นกลับ จากโตเกียว
ตอนที่ 4 - เทศกาลชมซากุระ และสวนดอกไม้ เมืองกุนมะ 1 วัน
ตอนที่ 5 - ขับรถเที่ยวรอบทะเลสาบคาวากูจิ
ตอนที่ 6 - โอไดบะ + เดินทางกลับกรุงเทพฯ
[รีวิว:โรงแรมญี่ปุ่น] เที่ยวโตเกียวที่มากกว่าโตเกียว 7 วัน 5 คืน 
โรงแรม Dormy Inn Express Asakusa
โรงแรม Fujikawaguchiko Onsen Konanso
โรงแรม JAL City Haneda Tokyo West Wing

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น