[รีวิว:เที่ยวญี่ปุ่น] เที่ยวโตเกียวที่มากกว่าโตเกียว 7 วัน 5 คืน ตอนที่ 2 - เที่ยวโตเกียว 1 วันด้วย Tokyo Subway Ticket

ในตอนนี้จะเป็นวันที่ 2 ของการเดินทางในทริปนี้ จะเป็นการเดินทางจากสนามบินฮาเนดะเข้าเมืองด้วยรถไฟสาย Keikyu และเที่ยว 1 วันในโตเกียวด้วย Tokyo Subway 24-hour Ticket ซึ่งใครที่จะไปเที่ยวเองสามารถนำไปเป็นตัวอย่างการตารางการเที่ยวโตเกียวได้


DAY 2 : เที่ยวรอบโตเกียว

หลังจากผ่าน ตม. และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ในตอนแรกวางแผนว่าจะซื้อบัตร JR TOKYO Wide Pass และ Tokyo Subway 24-hour Ticket + ตั๋วเที่ยวเดียวสาย Keikyu แต่ว่าที่ขายบัตร JR TOKYO Wide Pass แถวยาวมากและยังไม่เปิด พวกเราจึงตัดสินใจยังไม่ซื้อ JR TOKYO Wide Pass และไปยังศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว Keikyu เพื่อที่ซื้อบัตร Tokyo Subway 24-hour Ticket + ตั๋วเที่ยวเดียวสาย Keikyu 

พอเรารับกระเป๋าจากสายพานและผ่านจุดตรวจศุลกากรให้เดินตรงไปตามทางที่จะนั่งรถไฟเพื่อเข้าเมือง ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว Keikyu จะอยู่ฝั่งขวามมือ จะอยู่ก่อนทางเข้ารถไฟสาย Keikyu (จะอยู่คนละที่กับที่ขายตั๋ว Tokyo Subway เพียงอย่างเดียว) ด้านตรงข้ามฝั่งซ้ายจะเป็น ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว JR และทางเข้ารถไฟ Tokyo Monorail
ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว Keikyu เปิดตอน 7.00 - 22.00 น. ซึ่งพวกเรามาถึงก่อนเวลาเปิดเล็กน้อยมีคิวก่อนหน้า 2-3 คน สำหรับใครจะใช้พาสนี้เข้าเมืองต้องดูเวลาเครื่องลงด้วย เพราะถ้ามาถึงช่วงศูนย์ฯปิดอยู่จะไม่สามารถซื้อพาสนี้ได้

บัตรนี้จะสามารถใช้นั่งรถไฟ Keikyu Line จากสนามบินฮาเนดะ จนถึงสถานี Sengakuji เพื่อเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าสาย Toei Subway และ Tokyo Metro


เมื่อซื้อบัตรเรียบร้อยพวกเรานั่งรถไฟไปลงที่สถานีอาซากุสะ โดยสามารถนั่งขบวนเดียวโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนได้(แต่ว่ารถจะเปลี่ยนชื่อสายที่สถานี Sengakuji จาก Keikyu Line เป็น Asakusa Line) แต่ต้องระวังบางขบวนต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Sengakuji ไม่สามารถไปถึงสถานีอาซากุสะได้ ก่อนจะไปเที่ยวพวกเราแวะไปฝากกระเป๋าที่โรงแรม Dormy Inn Express Asakusa ที่จะเข้าพักในวันนี้ ที่นี้สามารถฝากกระเป๋าได้ฟรีก่อนเวลาเชคอิน โดยเจ้าหน้าที่จะมีใบเพื่อรับกระเป๋าให้มากด้วย หลังจากนั้นก็เดินจากโรงแรมไปที่ศาลเจ้าอาซากุสะ



ASAKUSA


พวกเราเดินจากโรงแรม Dormy Inn Express Asakusa เมื่อออกจากโรงแรมให้เดินไปทางขวามือตามถนนเอโดะ พอเจอสี่แยกให้เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามโรงแรม จะผ่านทางเข้ารถไฟสายโทบุ ให้เดินตรงไปต่อเรื่อยๆจะเจอถนนช้อปปิ้งนากามิเสะ ถ้าเลี้ยวขวาจะไปวัดเซนโซจิ และศาลเจ้าอาซากุสะ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปประตู Kaminari
การเดินทางโดยรถไฟฟ้า Tokyo Metro Ginza Line สถานี G19 Asakusa ทางออก 1 หรือ 3
                                           Toei Asakusa Line สถานี A18 Asakusa ทางออก A4
การเดินทางโดยรถไฟสายอื่นๆ : รถไฟโทบุ Tobu Skytree Line ลงสถานี Asakusa ออกทางออกหลัก

อาซากุสะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้ที่มาเที่ยวเมืองโตเกียว โดยมีสถานที่เที่ยวทั้ง ศาลเจ้าอาซากุสะ วัดเซนโซจิ ประตู Kaminari และ ถนนนากามิเสะ สถานที่ทั้งหมดสามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งวัน ยกเว้น วัดเซนโซจิ ที่เปิด 6.00 - 17.00 น. โดยที่ไม่มีค่าเข้าชม
หลังจากที่พวกเราเดินเที่ยว ไหว้พระขอพรจาก ศาลเจ้าอาซากุสะ และวัดเซนโซจิแล้ว พวกเราก็มาเดินถนนนากามิเสะ และ ถ่ายรูปกับโคมแดงขนาดใหญ่ที่ประตู Kaminari แลนมาร์กยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดเมื่อมาถึงย่านอาซากุสะนี้
ถนนนากามิเสะ หรือ ถนนช้อปปิ้งนากามิเสะ เป็นถนนที่อยู่ระหว่างประตู Kaminari และ วัดเซนโซจิ รวมถึง มีความยาวประมาณ 200 เมตร มีร้านค้าตั้งตลอดทางทั้งสองฝั่ง ส่วนใหญ่จะเป็นของกินกับของที่ระลึก ร้านส่วนใหญ่จะเปิดสายๆ ตอนที่พวกเรามาถึงประมาณแปดโมงเช้า ร้านค้าจึงยังเปิดแค่บางส่วนเท่านั้น สำหรับคนที่สนใจจะมาเดินชอปปิ้งที่นี่แนะนำให้มาหลังเก้าโมงเช้า ร้านค้าน่าจะเปิดครบทุกร้านแล้ว และจะปิดร้านประมาณช่วงเวลาหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มแล้วแต่ร้าน แต่ร้านที่ปิดอยู่ตรงประตูม้วนจะมีภาพวาดตกแต่งอยู่ สามารถถ่ายรูปสวยๆได้ เป็นเสน่ห์อีกด้านของย่าอาซากุสะ
ในระยะหลังมานี้บริเวณย่านอาซากุสะจะไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทานอาหาร โดยแต่ละร้านจะมีจุดให้นักท่องเที่ยวยืนหรือนั่งทานให้เรียบร้อยก่อน เพื่อไม่ให้อาหารไปเลอะเสื้อผ้านักท่องเที่ยวคนอื่นๆโดยเฉพาะช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวมาเดินกันเยอะ และไม่ให้หกตามพื้นถนนสร้างความสกปรกได้
พวกเราลองทานขนมอยู่ 2-3 ร้าน ทั้งโมจิทอด ดังโงะ ชาเขียว และขนมอื่นๆอีกนิดหน่อย พวกเราตั้งใจมาทานหมูทอดด้วยแต่ว่าร้านยังไม่เปิดเลยไม่ได้ทานกัน แต่ยังมีอีกร้านที่พวกอยากเราจะแนะนำให้ลองทานกัน คือ Asakusa Kagetsudo เป็นร้านขายเมล่อนปั
Asakusa Kagetsudo เป็นร้านเมล่อนปังชื่อดังที่เปิดมานานกว่า 10 ปีของย่านอาซากุสะ โดยพวกเรามาทานกันที่สาขา Kaminarimon-shop ร้านจะอยู่ในซอยเล็กๆ ฝั่งซ้ายมือ เมื่อเดินจากประตู Kaminari เข้าวัดเซนโซจิ ซอยจะอยู่ใกล้แยกแรก ให้สั่งเมล่อนปังที่หน้าเคาเตอร์และนั่งทานในร้าน พวกเราลองทานไส้ซอฟครีมชาเขียว ชิ้นค่อนข้างใหญ่ ขนมปังอบใหม่หอมและนุ่มอร่อย ส่วนซอฟครีมชาเขียวก็ไม่หวานเกินไป ใครที่มาเที่ยวอาซากุสะก็อย่าลืมมาลองทานกันได้ นอกจากสาขานี้แล้วยังมีสาขาอื่นๆอีกสามารถดูที่ตั้งสาขาได้ที่ https://asakusa-kagetudo.com/en/


TOKYO TOWER

จากอาซากุสะมาโตเกียวทาวน์เวอร์ได้โดยรถไฟฟ้า Asakusa Line จากสถานี Asakusa ไปลงที่สถานี Daimon (จากสถานีนี้สามารถเดินไปยังโตเกียวทาวน์เวอร์ได้เช่นกันแต่จะเดินไกลกว่า) แล้วเปลี่ยนขบวนเป็น Oedo Line ไปลงที่สถานี Akabanebashi ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้โตเกียวทาวน์เวอร์ที่สุด ออกที่ทางออก Akabanebashi(赤羽橋口) 
การเดินทางโดยรถไฟฟ้า : Toei Oedo Line สถานี E21 Akabanebashi ทางออก Akabanebashi
                                           Toei Asakusa Line สถานี A09 Daimon ทางออก A6
                                           Toei Mita Line สถานี I06 Onarimon ทางออก A1
                                                                  สถานี I05 Shibakoen ทางออก A4
                                           Tokyo Metro Hibiya Line สถานี H05 Kamiyacho ทางออก 1
การเดินทางโดยรถไฟสายอื่นๆ : รถไฟ JR Yamanote Line และ Keihin-Tohoku Line ลงสถานี Hamamatsucho ออกทางออกทิศเหนือ

โตเกียวทาวเวอร์ เป็นแลนด์มาร์กยอดฮิตอันดับหนึ่งของเมืองโตเกียว ด้านบนของโตเกียวทาวเวอร์เป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุ และมีจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ซึ่งวันไหนฟ้าโปร่งจะสามารถเห็นภูเขาฟูจิได้ด้วย

ในระหว่างทางที่จะไปโตเกียวทาวน์เวอร์ พวกเราเจอสวนเล็กๆกลางตึก ที่ยังมีดอกซากุระอยู่ ถึงจะเริ่มพลิใบบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีดอกบานอยู่พอสมควร ถ้าหากใครมาช่วงฟลูบูมก็จะได้ภาพสวยๆกับดอกซากุระ รวมถึงภาพโตเกียวทาวน์เวอร์กับดอกซากุระ
จุดชมวิวโตเกียวทาวน์เวอร์จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 9.00 - 23.00 น. สำหรับใครที่สนใจจะขึ้นชมจะมีค่าเข้าชม 900 - 2,800 เยน ขึ้นกับชั้นที่จะเข้าชม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.tokyotower.co.jp/ แต่สำหรับพวกเราไม่ได้ขึ้นข้างบน แค่เดินถ่ายรูปบริเวณโดยรอบแล้วกลับ

ร้านข้าวหน้าปลาไหล Nodaiwa [野田岩]

หลังจากถ่ายรูปโตเกียวทาวน์เวอร์แล้ว พวกเราก็ไปเติมพลังทานอาหารกลางวันกันที่ ร้านข้าวหน้าปลาไหล Nodaiwa ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ระหว่างทางที่มาโตเกียวทาวน์เวอร์ ร้านจะอยู่ริมถนนเป็นบ้านทรงโบราณหลังเดียว ก่อนถึง Tokyo Tower แต่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ราคาค่อนข้างโหดร้าย ซึ่งถ้าเทียบกับความคาดหวังที่ได้รับ เนื่องจากปลาไหลมีก้างเล็กๆทำให้อาหารไม่อร่อยเท่าที่ควร นอกจากนี้ที่เคยทานที่นาโกย่าอร่อยกว่านี้ด้วย แต่ก้อให้อภัย เพราะมีปลาดิบ ไข่ตุ๋น แล้วก็เมลอนหวานๆ มาปลอบใจแทน


SHIBUYA


จากโตเกียวทาวน์เวอร์ไปชิบุยะ พวกเรานั่งรถไฟฟ้า Oedo Line จากสถานี Akabanebashi ลงสถานี Aoyama-itchome เพื่อเปลี่ยนขบวนไปยัง Ginza Line ไปลงที่สถานี Shibuya ออกทางออก Hachiko

ชิบุยะ เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมญี่ปุ่นยุคใหม่ สถานที่รวมเทรนด์แฟชั่นชั้นนำ กระแสนิยมใหม่ๆในญี่ปุ่น มีทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านค้าต่างๆมากมาย ที่มีทั้งแบรนด์เนมและสตรีทแบรนด์ ทั้งยังเป็นย่านที่รวมความบันเทิงไว้อย่างครบครัน  นอกจากแหล่งช้อปปิ้งแล้ว ยังมี ร้านอาหาร สถานที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม คลับ และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทั้่งชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะวัยรุ่นอีกด้วย และยังมีห้าแยกชิบุยะที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
การเดินทางใช้รถไฟฟ้า : Tokyo Metro Hanzomon Line สถานี Z01 Shibuya
                                        Tokyo Metro Fukutoshin Line สถานี F16 Shibuya 
                                        Tokyo Metro Ginza Line สถานี G01 Shibuya
การเดินทางโดยรถไฟสายอื่นๆ : รถไฟ JR Yamanote Line สถานี Shibuya
                                                   รถไฟ Tokyu Tokyu Den-en-toshi Line สถานี Shibuya
                                                   รถไฟ Tokyu Tokyo Toyoko Line สถานี Shibuya
                                                   รถไฟ Keio Inokashira Line สถานี Shibuya

รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ

ฮาจิโกะ เป็นสุนัขพันธุ์อาคิตะ มีชื่อเสียงในเรื่องความซื่อสัตย์ เนื่องจากฮาจิโกะจะมารอเจ้านายกลับจากทำงานทุกวัน แม้ว่าเจ้านายจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ฮาจิโกะก็ยังมาเฝ้ารอเจ้านายทุกวันเป็นเวลา 9 ปีจนเสียชีวิตลง ซึ่งสถานที่ตั้งรูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ คือที่ที่ฮาจิโกะมารอเจ้านายกลับจากทำงานนั่นเอง โดยสร้างขึ้นจากเงินบริจาคของผู้คนที่ซาบซึ้งในเรื่องราวของฮาจิโกะ  และในปัจจุบัน รูปปั้นนี้เป็นอีกหนึ่งแลนมาร์กที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาถ่ายรูป และเป็นสถานที่นัดพบอีกด้วย

ห้าแยกชิบุยะ

ถัดจากรูปปั้นสุนัขฮาจิโกะก็จะเป็นห้าแยกชิบุยะ มีคำกล่าวว่า หากไปไม่ถึงห้าแยกชิบุยะก็ว่ากันว่ายังไปไม่ถึงโตเกียว ทางม้าลายข้ามถนนห้าแยกที่ได้ชื่อว่าวุ่นวายมากที่สุดในโลก ทุกๆ 2 นาทีเมื่อสัญญาณไฟคนข้ามเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผู้คนจำนวนมากหลายร้อยหรือเป็นพันคนจะข้ามถนนไปยังฝั่งที่ตนเองต้องการ ใครที่มาถึงโตเกียวแล้วก็ต้องลองมาเดินข้ามทางม้าลายที่วุ่นวานที่สุดในโลกซักครั้งหนึ่งเป็นประสบการณ์ที่แปลกไปอีกแบบ

หลังจากได้เดินข้ามทางม้าลายที่วุ่นวานที่สุดในโลกแล้ว ก็ต้องไปเก็บภาพห้าแยกชิบุยะ พวกเราไปที่ชั้น 2 ของสตาร์บัคสาขา SHIBUYA TSUTAYA โดยสามารถสั่งกาแฟได้จากชั้น 1 ซึ่งจะมีที่ขาย 2 ที่ คือด้านหน้าและด้านข้าง ด้านหน้าคนค่อนข้างเยอะสามารถไปซื้อจากด้านข้างได้ ชั้น 2 ที่นั่งมุมดีมักจะมีคนนั่งเรื่อยๆ ถ้าอยากได้มุมสวยๆไว้ถ่ายรูป ต้องคอยจังหวะที่คนก่อนหน้าลุกออกไป



Meiji Shrine

จากชิบุยะนั่งรถไฟฟ้า Fukutoshin Line มาลงที่สถานี Meiji-jingumae โดยให้ออกทางออกที่ 2 (JR Exit) พอออกจากทางออกแล้วเดินยูเทรินกลับจะเจอทางเข้าฝั่งใต้ของศาลเจ้าเมจิ
การเดินทางใช้รถไฟฟ้า : Tokyo Metro Chiyoda Line สถานี C03  Meiji-jingumae ทางออก 2
                                        Tokyo Metro Fukutoshin Line สถานี F15 Meiji-jingumae ทางออก 2
การเดินทางโดยรถไฟสายอื่นๆ : รถไฟ JR Yamanote Line สถานี Harajuku ทางออก Omotesando

ศาลเจ้าเมจิตั้งอยู่ในย่านฮาราจูกุ เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโตเกียว สามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างเพื่ออุทิศให้กับสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิและสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 700,000 ตารางเมตร ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงในการจัดงานแต่งงานแบบชินโตดั้งเดิม ถ้าใครโชคดีมาแล้วก็จะได้เห็นพิธีการและบ่าวสาวที่แต่งชุดแต่งงานสไตล์ญี่ปุ่นมาจัดงานแต่งที่นี่

หลังจากผ่านเสาโทริอิขนาดใหญ่ที่ทางเข้ามา ก็จะเป็นทางเดินไปยังศาลเจ้า ซึ่งจะเต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ตลอดสองข้างทางร่มรื่นมากๆ 


Takeshita Dori

จากศาลเจ้าเมจิให้ออกทางออกฝั่งใต้ แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านสถานี JR ฮาราจูกุไปจนเจออีกทางออกของสถานี JR ถนนทาเคชิตะจะอยู่ฝั่งตรงข้าม
การเดินทางใช้รถไฟฟ้า : Tokyo Metro Chiyoda Line สถานี C03  Meiji-jingumae ทางออก 2
                                        Tokyo Metro Fukutoshin Line สถานี F15 Meiji-jingumae ทางออก 2
การเดินทางโดยรถไฟสายอื่นๆ : รถไฟ JR Yamanote Line สถานี Harajuku ทางออก Takeshita
ถนนทาเคชิตะ เป็นถนนที่มีชื่อเสียงในย่านฮาราจูกุมีขายสินค้าต่างโดยเฉพาะสินค้าแฟชั่น ที่ถนนนี้นอกจากสินค้าแฟชั่นแล้ว ยังมีคาเฟ่น่ารักๆ และ ร้านขายสินค้าของไอดอลและดารานักร้อง J-Pop เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง และที่แปลกแหวกแนว คือ การแต่งตัวคอสเพลย์ตามสไตล์การ์ตูนอนิเมะ หรือเป็นสไตล์นักร้องนักดนตรีแนวพังค์ นับเป็นถนนที่เต็มการแต่งตัวแนวแฟชั่นที่มีเอกลักษณ์ 
วันนีั้พวกเรามีจุดหมายหลักของการเดินถนนทาเคชิตะ  คือ ร้านเครปชื่อดัง MARION CREPES ที่หน้าร้านจะมีไส้ให้เลือกหลากหลายแบบ ใครที่มาเที่ยวถนนทาเคชิตะก็อย่าลืมแวะมาทานเครปเจ้านี้กันได้
หลังจากที่ออกจากถนนทาเคชิตะ แล้วพวกเราพาคุณพ่อคุณแม่กลับโรงแรมไปพักผ่อนก่อน เนื่องจากเมื่อคืนนอนกันบนเครื่องบินเท่านั้น ส่วนพวกเราก็ไปแลกบัตร NIKKO PASS world heritage area สำหรับไปเอโดะวันเดอร์แลนด์ และ ซื้อบัตร JR TOKYO Wide Pass

NIKKO PASS world heritage area

บัตร NIKKO PASS world heritage area เป็นบัตรโดยสารของรถไฟและรถบัสของบริษัทรถไฟโทบุ ซึ่งสามารถขึ้น รถไฟและรถบัสของสายโทบุในเมืองนิกโก้ที่กำหนดแบบไม่จำกัดเที่ยว และ รถไฟสายโทบุไป-กลับระหว่างสถานีรถไฟอาซากุสะ ถึง ชิโมะอิมะอิจิ(สามารถเลือกขึ้นและลงที่สถานีระหว่างทางได้) ซึ่งจะขึ้นขาไป 1 เที่ยว และ ขากลับ 1 เที่ยวเท่านั้น แต่สำหรับรถไฟด่วนพิเศษจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยผู้ซื้อบัตร NIKKO PASS world heritage area จะได้รับส่วนลดตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ 20% เมื่อซื้อบัตรโดยสารที่สถานีอาซากุสะ โดยบัตรนี้มีอายุการใช้งาน 2 วัน(ติดต่อกัน) 
ราคา : ผู้ใหญ่ 2,000 เยน, เด็ก 600 เยน
Credit : http://www.tobu.co.jp/foreign/th/pass/twoday.html
บัตร NIKKO PASS world heritage area สามารถซื้อได้จากเอเจนซี่ในประเทศไทย โดยจะได้เป็นใบจองไว้สำหรับไปแลกเป็นบัตรจริง พวกเราซื้อไปจากงาน TITF ในราคา 590 บาท/ใบ ซึ่งจะต้องระบุชื่อของผู้ที่จะใช้ตามพาสปอร์ตทุกคนด้วย

พวกเราไปแลกพาสของรถไฟสายโทบุที่ TOBU Tourist Information Center ASAKUSA ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม Dormy Inn Express Asakusa ที่พวกเราเข้าพัก โดยให้เข้าที่ทางเข้าหลัก ให้สังเกตห้าง EKIMISE TOBU Tourist Information Center จะอยู่ที่ชั้น 1 ใกล้กับทางเข้า เปิดให้บริการเวลา 07.20 - 19.00 น. ที่นี่มีพนักงานที่สามารถพูดภาษาไทยได้ให้บริการ(อาจไม่อยู่ในบางวัน)
ให้เรานำเอกสารการจองที่ได้มา พร้อมพาสปอร์ตกับให้พนักงาน(พาสปอร์ตของทุกคนที่จอง) พนักงานก็จะเปลี่ยนไปจองเป็นตั๋วมาให้เรา สำหรับใครที่จะใช้รถไฟด่วนจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ราคาขึ้นกับประเภทของรถไฟด่วน(ถ้าจองที่สถานีอาซากุสะจะมีส่วนลดให้) สำหรับใครที่จะไปเอโดะวันเดอร์แลนด์เหมือนพวกเราแนะนำให้ใช้รถไฟด่วนค่ะ สามารถแจ้งรอบที่ต้องการให้พนักงานได้เลย พวกเราจองทั้งขาไปและกลับไว้เลย (แนะนำให้จ่ายเป็นเงินสดเพราะว่าถ้าหากมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนรอบจะสามารถขอคืนเงินได้) โดยพนักงานจะออกตั๋วที่ระบุที่นั่งมาให้เราเลย ให้เราเชครายละเอียดให้ถูกต้องกับที่ต้องการจองให้เรียบร้อยก่อน
สามารถตรวจสอบตารางเวลารถไฟปกติและรถไฟด่วนพิเศษสายโทบุได้ที่ http://www.tobu.co.jp/foreign/th/using/timetable.html

สำหรับบัตรโดยสารที่เราจองที่นั่ง จะได้มาเป็นบัตรโดยสารแยกต่างหากจากบัตร NIKKO PASS world heritage area ซึ่งในบัตรจะมีรายละเอียดเป็นภาษาญี่ปุ่น บอกสถานีต้นทาง-ปลายทาง วันที่เดินทาง เวลารถไฟออก ตู้โดยสาร และ ที่นั่ง
สามารถดูรายละเอียดของบัตร NIKKO PASS world heritage area เพิ่มเติมได้ที่ http://www.tobu.co.jp/foreign/th/


JR TOKYO Wide Pass

JR TOKYO Wide Pass เป็นบัตรที่ใช้สำขึ้นรถไฟเที่ยวบริเวณโตเกียว และ เขตคันโต(เฉพาะเขตที่กำหนด) ด้วยรถไฟของ JR EAST และรถไฟเอกชนบางสาย ซึ่งบัตรนี้สามารถขึ้นได้ทั้งรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น รถด่วนพิเศษ หรือรถไฟธรรมดา ตามที่กำหนดไว้ไม่จำกัดเที่ยวภายในเวลา 3 วัน(ติดต่อกัน)
ราคา : ผู้ใหญ่(12ปีขึ้นไป) 10,000 เยน, เด็ก(6-12ปี) 5,000 เยน

JR TOKYO Wide Pass จะเน้นให้การเดินทางในเมืองโตเกียวและเมืองรอบๆโตเกียวเป็นหลัก ทำให้มีพื้นที่ให้บริการน้อยกว่า JR EAST PASS แต่จะสามารถขึ้นรถไฟเอกชนบางสายที่ JR EAST PASS ไม่สามารถขึ้นได้ เช่น รถไฟสาย Fujikyu(เฉพาะสายปกติ) ซึ่งสามารถเดินทางไปยังทะเลสาบคาวากูจิโกะได้ เป็นต้น
Credit: https://www.jreast.co.jp/e/tokyowidepass/
บัตร JR TOKYO Wide Pass จะมีจำหน่ายในที่ JR Travel Service Center ในญี่ปุ่นเท่านั้น สาขาของ JR Travel Service Center ที่จำหน่ายบัตรนี้สามารถดูได้จาก https://www.jreast.co.jp/e/ticketwindow/?selectPass=tokyoWide และสำหรับสถานีที่พวกเราไปซื้อบัตรนี้ คือ สถานีอุเอโนะ

JR EAST Travel Service Center สาขา สถานีอุเอโนะ 
เวลาทำการ : วันธรรมดา 8.30 - 19:00 น. , วันหยุด 8.30 - 18.00 น. 
Travel Service Center จะอยู่ใกล้กับ Central Gate 
JR EAST Travel Service Center - Ueno Station
Credit: https://www.jreast.co.jp/e/customer_support/service_center_ueno.html
ในการซื้อ JR Wide Pass ต้องใช้พาสปอร์ตเป็นหลักฐานในการซื้อ(1เล่มต่อบัตร 1ใบ) โดยตอนซื้อสามารถจองรถไฟชินคันเซนหรือรถด่วนพิเศษได้เพียง 2 เที่ยวเท่านั้น ถ้าต้องการจองมากกว่านี้ ต้องไปจองเพิ่มที่แถวจองตั๋วล่วงหน้า เนื่องจากพวเรามีแผนไปที่อื่นก่อน และแถวจองตั๋วล่วงหน้าค่อนข้างยาว พวกเราเลยจองแค่ 2 เที่ยวที่สามารถจองได้พร้อมตอนซื้อพาสสำหรับไป-กลับเมืองกุนมะด้วยรถไฟชินคันเซ็นเท่านั้น ส่วนสำหรับรถด่วนที่จะไปลง สถานีโอสึกิ(เพื่อต่อรถไฟสายFujikyu) พวกเราไปจองที่สถานีทาคาซากิในวันที่พวกเราไปเที่ยวกุนมะแทน
สำหรับรถไฟทั่วไปและรถไฟแบบไม่จองที่นั่งสามารถยื่นบัตร JR TOKYO Wide Pass ให้เจ้าหน้าที่ดูที่ทางเข้า-ออกด้านที่มีเจ้าหน้าทีประจำอยู่ แล้วขึ้นรถไฟได้เลย แต่สำหรับที่นั่งแบบต้องจองเราต้องไปจากที่จองตั๋วล่วงหน้าโดยให้นำบัตร JR TOKYO Wide Pass ไปแสดงให้เจ้าหน้าที่และแจ้งรอบที่ต้องการจอง เจ้าหน้าที่จะออกบัตรโดยสารที่ระบุทีนั่งให้
สามารถดูรายละเอียดของบัตร JR TOKYO Wide Pass เพิ่มเติมได้ที่ https://www.jreast.co.jp/e/tokyowidepass/


Tokyo Sky Tree


หลังจากจัดการเรื่องบัตรโดยสารเรียบร้อยแล้ว พวกเราเดินทางไปยังโตเกียวสกายทรีเพื่อทานอาหารเย็น โดยนั่งรถไฟฟ้า Asakusa Line ไปลงที่สถานี Oshiage
การเดินทางโดยรถไฟฟ้า Tokyo Metro Hanzomon Line สถานี Z14 Oshiage
                                           Toei Asakusa Line สถานี A20 Oshiage
การเดินทางโดยรถไฟสายอื่นๆ : รถไฟโทบุ Tobu Skytree Line ลงสถานี Tokyo Skytree

โตเกียวสกายทรีเป็นหอคอยกระจายสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูง 634 เมตร เป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองโตเกียว โดยมีจุดชมวิว 2 ชั้น ชั้นแรกสูง 350 เมตร และชั้นบนสูง 450 เมตร สามารถชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา สำหรับใครที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tokyo-skytree.jp/th/

สำหรับพวกเราไปโตเกียวสกายทรีเพื่อทานอาหารเย็นที่ร้านเนื้อย่าง Jojoen ตั้งอยู่บนชั้น 31 ของ Tokyo Solamachi ซึ่งเป็นอาคารฝั่งตะวันออกส่วนหนึ่งของโตเกียวสกายทรี ร้านนี้เป็นร้านเนื้อย่างเกาหลี มีหลายสาขาในโตเกียว ร้านนี้ค่อนข้างประทับใจ รสชาติ และ คุณภาพของเนื้อดีมาก นอกจากนี้ยังมีวิวเมืองโตเกียวจากชั้น 31 อีกด้วย สำหรับภาพเนื้อที่พวกเราถ่ายไว้หายไปหมดแล้ว แต่ถ้าใครสนใจสามารถเข้าไปดูเมนูอาหาร สาขาร้าน และจองที่นั่งได้ที่ https://www.jojoen.co.jp/en/
หลังจากที่พวกเราทานอาหารเรียบร้อยก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรม Dormy Inn Express Asakusa สามารถอ่านรีวิวโรงแรมได้ที่ โรงแรม Dormy Inn Express Asakusa 
และวันรุ่งขึ้นที่พวกเราไปเที่ยวเอโดะ-วันเดอร์แลนด์แบบไปเช้า-เย็นกลับ สามารถอ่านได้ที่ ตอนที่ 3 - เอโดะ-วันเดอร์แลนด์ เช้าไป-เย็นกลับ จากโตเกียว

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
[รีวิว:เที่ยวญี่ปุ่น] เที่ยวโตเกียวที่มากกว่าโตเกียว 7 วัน 5 คืน 
ตอนที่ 1 - เตรียมตัวก่อนเดินทาง + เดินทางไปญี่ปุ่น
ตอนที่ 2 - เที่ยวโตเกียว 1 วันด้วย Tokyo Subway Ticket
ตอนที่ 3 - เอโดะ-วันเดอร์แลนด์ เช้าไป-เย็นกลับ จากโตเกียว
ตอนที่ 4 - เทศกาลชมซากุระ และสวนดอกไม้ เมืองกุนมะ 1 วัน
ตอนที่ 5 - ขับรถเที่ยวรอบทะเลสาบคาวากูจิ
ตอนที่ 6 - โอไดบะ + เดินทางกลับกรุงเทพฯ
[รีวิว:โรงแรมญี่ปุ่น] เที่ยวโตเกียวที่มากกว่าโตเกียว 7 วัน 5 คืน 
โรงแรม Dormy Inn Express Asakusa
โรงแรม Fujikawaguchiko Onsen Konanso
โรงแรม JAL City Haneda Tokyo West Wing

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น